<$BlogRSDUrl$>

วันอาทิตย์, กันยายน 26, 2547

คนโง่... คนฉลาด... คนเจ้าปัญญา...

คนโง่... คนฉลาด... คนเจ้าปัญญา...
>
> ว่าด้วยความคิด
> คนโง่ : ทำก่อนแล้วจึงคิด จึงผิดพลาดอยู่เนืองๆ
ต้องเปลืองเวลาและความรู้สึก ตามแก้ปัญหาไม่สิ้นสุด
> คนฉลาด : คิดมากก่อนแล้วจึงทำ จึงเพ้อเจ้ออยู่เป็นประจำ
แม้ประสงค์จะทำดีทากแต่ทำได้น้อย เพราะเขม่าความคิดปิดกั้นความกล้าหาญ
> คนเจ้าปัญญา : คิดไปทำไป จึงทำได้อย่างที่คิด
และคิดพอดีที่ทำประหยัดพลังงานและบริหารเวลาได้เหมาะสม
ลดความหลอนป้องกันความผิดพลาดขื่นขมและประสบความสำเร็จโดยไม่เหน็ดเหนื่อย
>
> ว่าด้วยทัศนคติ
> คนโง่ : ดูหมิ่นความดี มองโลกในแง่ร้ายด้านเดียว
จึงได้รับแต่สิ่งชั่วร้ายมาพาชีวิตตกต่ำ กลายเป็นทาสสถานการณ์
ยามพบสิ่งดีจะไม่เข้าใจจึงพลาดโอกาสใหญ่
> คนฉลาด : ชอบทำดีและคิดดี มักมองโลกในแง่ดีด้านเดียว
จึงได้แต่สิ่งดีโดยมาก ครั้นพบสิ่งชั่วร้าย จะทนไม่ได้ ทำใจไม่เป็น
ต้องถอยหนีสถานการณ์ดวงใจแตกร้าว ชีวิตจึงมีแต่ความระคายเคืองและปฏิฆะเร้นลึก
> คนเจ้าปัญญา : ละชั่วเด็ดขาด และทำดีเป็นนิสัย โดยไม่ติดดี
แล้วละแม้ความดีเข้าสู่ความบริสุทธิ์
จึงเห็นที่สุดแห่งความเป็นจริงแท้แห่งโลกว่าทุกสิ่งในโลกมีทั้งคุณ โทษ และความเป็นกลางอยู่ จึงบริหารสถานการณ์ได้
และทำใจได้ในทุกภาวการณ์
>
> ว่าด้วยความโง่และความฉลาด

> คนโง่ : ชอบคิดว่าตนฉลาดแล้ว จึงดักดานอยู่กับความโง่ของตนตามที่เป็น
> คนฉลาด : ชอบคิดว่าตนโง่ จึงชอบแกล้งโง่ และมักโง่ได้สมปรารถนาในที่สุด
> คนเจ้าปัญญา : ย่อมเห็นความโง่และความฉลาด ที่ซ้อนกันอยู่
และวิธีที่จะยกจิตสู่ปัญญายิ่งๆขึ้นไป จึงค่อยๆ หายโง่ และเลิกฉลาดโดยลำดับ
>
> ว่าด้วยการพูดจา
> คนโง่ : ชอบเถียง เขาจึงได้การทะเลาะ และความบาดหมางแทนความรู้
> คนฉลาด : ชอบถาม เขาจึงได้ความรู้ และมิตรภาพมากกว่าความแตกแยก
> คนเจ้าปัญญา : ชอบเฉยสังเกตลึก เข้าใจสิ่งต่าง
อย่างลึกซึ้งแล้วจึงนำเสนออย่างเหมาะสม
>
> ว่าด้วยการจัดการกับปัญหา
> คนโง่ : พอพบกับปัญหาอะไรก็โวยวาย
ก่อให้เกิดปัญหาทางอารมณ์และความสัมพันธ์อีกหลายชั้น จึงยิ่งเสียหาย......
> คนฉลาด : พอพบปัญหาก็วิเคราะห์ เป็นการใช้ความคิดแก้ปัญหา
จึงมักติดบ่วงความคิด วนไปวนมา......
> คนเจ้าปัญญา : พอพบปัญหาอะไรก็วางก่อน
พอเป็นอิสระมีอำนาจเหนือกว่าปัญหาแล้ว จึงจัดการกับปัญหานั้นอย่างเหนือชั้น.......
>
> ว่าด้วยการบริหารและการปกครอง
> คนโง่ : พยายามบริหารคน จึงวุ่นวายสับสนตามธรรมชาติของคน
> คนฉลาด : พยายามบริหารประโยชน์สัมพันธ์
จึงยุ่งยากซับซ้อนตามปรารถนาอันไม่สิ้นสุด
> คนเจ้าปัญญา : พยายามบริหาระบบธรรม จึงสงบลงตัว ณ จุดพอดี.....
>
> ว่าด้วยความคิด!!!
> คนโง่ : เห็นแต่ความชั่วร้ายของคนอื่น
และโยนความผิดให้ผู้อื่นอยู่เรื่อย เป็นการทำมิตรให้กลายเป็นศัตรู ชีวิตจึงอยู่ในท่ามกลางอันตราย
> คนฉลาด. : เห็นแม้ความชั่วร้ายในตนเอง จึงกล้ายอมรับความจริงและแก้ไขตัว
ทำให้ตนดีขึ้น ทำให้แม้ศัตรูก็ยอมรับได้มากขึ้น
ชีวิตจึงเจริญและผาสุกโดยลำดับ
> คนเจ้าปัญญา : เห็นความชั่วร้ายสากล จึงเข้าใจทุกคนในทุกสถานการณ์
เห็น***ส่วนการบริหารคนที่เหมาะสม โดยไม่ทำร้ายคน
แต่จะทำลายความชั่วสากลให้สิ้นไป จึงสนุกสนานในการบริหารเรื่อยไป......
>
> ว่าด้วยการบริหารธรรม
> คนโง่ : ดูหมิ่นธรรมะ ชีวิตจึงหายนะ
> คนฉลาด : ศึกษาธรรมะ จึงรู้ลึก และดำเนินชีวิตด้วยดี
> คนเจ้าปัญญา : ใช้ธรรมะ จึงดำเนินชีวิตอย่างเหนือชั้น!!.......
>
> ว่าด้วยการทำงาน
> คนโง่ : ทำงานเพื่อเงิน
จึงได้เงินมาอย่างยากเย็นและมักไม่ได้คุณค่าอื่นๆของงาน
> คนฉลาด : ทำงานเพื่องาน จึงได้ผลงานที่ยิ่งใหญ่และได้เงินตามมาโดยง่าย
> คนเจ้าปัญญา :.ทำงานเพื่อหยิบยื่นคุณค่าแก่สังคม
เขาจึงได้ผลงานที่น่าชื่นชม เงิน ชื่อเสียงและมิตรมหาศาลย่อมตามมาเสมอ......
>
> ว่าด้วยการสนองตอบผู้มีพระคุณ
> คนโง่ : เนรคุณผู้มีบุญคุณ จึงไม่มีใครอยากทำดีกับเขาอีก
> คนฉลาด : กตัญญูผู้มีพระคุณ จึงมีคนอยากทำดีกับเขามากมาย
ซึ่งต้องตามชดใช้บุญคุณกันไม่รู้จบ
> คนเจ้าปัญญา : ยกระดับผู้มีบุญคุณให้สูงส่งขึ้น จึงทดแทนบุญคุณกันได้หมด
และผู้มีพระคุณกลายเป็นหนี้บุญคุณ และพร้อมที่จะให้พระคุณที่ยิ่งกว่า
เกิดวงจรการให้ และการรับที่พัฒนาต่อเนื่องทุกฝ่ายจึงได้รับประโยชน์อย่างยิ่ง
>
> ว่าด้วยความเพียร
> คนโง่ : มัวขยันในเรื่องไร้สาระ จึงมักพบปะแต่เรื่องไร้ประโยชน์
แล้วมักตัดพ้อว่า ทำไมทำดีแล้วไม่ได้ดี
> คนฉลาด : มักขยันในเรื่องที่มีคุณมากมีโทษน้อย
จึงได้ประโยชน์มากและมีโทษแทรกบ้าง แล้วมักบ่นว่าอุตส่าระวังอย่างสุดแล้วยังพบเรืองร้ายๆ อีก
> คนเจ้าปัญญา : ขยันทำตนให้เหนือคุณและโทษ จึงบริหารสถาน>
การณ์อย่างอิสระ ไม่ปรากฏเสียงตัดพ้อหรือบ่นว่าอีกต่อไป
>
> ว่าด้วยความจริงจัง
> คนโง่ : เห็นปรากฏการณ์ต่างๆ ในชีวิตเป็นเรื่องจริงจัง จึงเครียดแทบบ้า
> คนฉลาด : เห็นปรากฏการณ์ต่างๆ ในชีวิตเป็นเรื่องเล่นๆ
จึงสนุกสนานจนไร้สาระ
> คนเจ้าปัญญา : เห็นปรากฏการณ์ต่างๆ ในชีวิตเป็นตัวเร่งวิวัฒนาการ
จึงรุ่งเรืองรวดเร็ว
>
> ว่าด้วยความประสบความสำเร็จ
> คนโง่ : รอให้ความสำเร็จมาหา อาจต้องรอหลายชาติกว่าจะพบซักครั้ง
> คนฉลาด : เดินไปหาความสำเร็จ จึงอาจมีโอกาสพบบ้างแม้เหนื่อยยาก
> คนเจ้าปัญญา : ปักหลักสร้างความสำเร็จ หากสร้างความสำเร็จแน่ๆ
และเหนื่อยน้อยกว่า

Comments: แสดงความคิดเห็น

This page is powered by Blogger. Isn't yours?