(<$BlogItemCommentCount$>) comments <$BlogRSDUrl$>

วันอังคาร, เมษายน 11, 2549

เปิดสัมพันธ์บอร์ดชินคอร์ป "โอฬาร" นั่ง 23 บริษัทเน้นธุรกิจพลังงาน

เผยบอร์ดเครือชินคอร์ปมีประวัติควบตำแหน่งกรรมการบริษัทอื่นอีก 123 แห่ง โดยเฉพาะ "โอฬาร ไชยประวัติ" นั่งเก้าอี้กรรมการธุรกิจพลังงาน-ปิโตรเคมี ด้านไอโอดีระบุจำนวนเหมาะสมไม่ควรเกิน 5 บริษัท หวั่นคำปรึกษาไม่มีประสิทธิภาพ
ประเด็นสำคัญที่ศาลปกครองสูงสุดสั่งเพิกถอนพระราชกฤษฎีกา 2 ฉบับ ที่เกี่ยวข้องกับการแปรรูปการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย อยู่ที่ความทับซ้อนทางผลประโยชน์ของบุคคลที่เป็นกรรมการพิจารณาการแปรรูป โดยเฉพาะกรณีของ ดร.โอฬาร ไชยประวัติ ซึ่งศาลปกครองสูงสุดระบุว่า มีตำแหน่งเป็นนายกสภามหาวิทยาลัยชินวัตร รวมถึงเป็นรองประธานกรรมการ บริษัทชินคอร์ปอเรชั่น และประธานกรรมการตรวจสอบ บริษัท ปตท.
ขณะเดียวกัน เมื่อวันที่ 4 เมษายน ที่ผ่านมา ดร.โอฬาร และนายวิชิต สุรพงษ์ชัย ซึ่งเป็นประธานกรรมการบริหาร ธนาคารไทยพาณิชย์และเป็นหนึ่งในกรรมการบริษัทชินคอร์ป ได้ประกาศลาออกจากการเป็นกรรมการบริษัทการบินไทย เพื่อไม่ต้องการให้มีข้อครหาเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อนหรือการเป็นตัวแทน (นอมินี) ให้กลุ่มชินคอร์ป ซึ่งล่าสุด สหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการบินไทยได้ออกมาเรียกร้องให้ทั้งสองคนคืนสิทธิประโยชน์ที่ได้รับไปก่อนหน้านี้
ทั้งนี้ จากการรวบรวมข้อมูลกรรมการของบริษัทชินคอร์ปทั้ง 9 คน พบว่าเคยมีประวัตินั่งเป็นกรรมการในบริษัทต่างๆ มากถึง 123 แห่ง ซึ่งเป็นบริษัทจดทะเบียนที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ 27 แห่ง โดย ดร.โอฬาร มีประวัติเป็นกรรมการบริษัททั้งในและนอกตลาด 23 บริษัท ซึ่งส่วนใหญ่เป็นบริษัทในกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมี
เกี่ยวกับเรื่องนี้ นายชาญชัย จารุวัสตร์ นายกสมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย (ไอโอดี) กล่าวว่า ที่ผ่านมาไม่ได้มีข้อกำหนดว่า การรับตำแหน่งกรรมการบริษัทนั้นเป็นได้มากน้อยเพียงใด เพราะจะต้องขึ้นอยู่กับความเหมาะสม ซึ่งอาจพิจารณาว่า หากเป็นผู้บริหารที่มีงานประจำอยู่แล้วก็สามารถรับเป็นกรรมการบริษัทอื่นไม่เกิน 2-3 แห่ง แต่ถ้าไม่มีงานประจำหรือเกษียณแล้ว ก็อาจรับได้มากถึง 5-7 แห่ง ส่วนสัดส่วนที่เหมาะสมที่สุดน่าจะอยู่ที่ 5 บริษัทต่อ 1 คน
อย่างไรก็ตาม ประเด็นสำคัญที่สุดไม่ได้อยู่ที่จำนวนบริษัทที่รับเป็นกรรมการ แต่อยู่ที่เรื่องของผลประโยชน์ทับซ้อนและการกำกับดูแลกิจการที่ดี ดังนั้น กรรมการจึงควรมีเวลาในการเข้าร่วมประชุม เพราะหากต้องส่งตัวแทนหรือนอมินีเข้าประชุมแทน จะทำให้การทำงานไม่มีประสิทธิภาพได้

ภัยจากการเติมน้ำมัน

ภัยจากการเติมน้ำมันถูกต้องแล้วครับ ไม่ใช่เฉพาะปั๊ม JET เท่านั้น หลายๆปั๊มก็เป็นเหมือนกัน วิธีการเติมโดยไม่ให้ถูกโกง1. อย่าขี้เกียจ ถ้าเป็นไปได้ให้ลงไปดูด้วยทุกครั้ง2. ถ้าขี้เกียจลงก็จงจอดในลักษณะที่เราเห็นตัวเลขชัดเจน3. ถึงแม้ว่าเด็กปั๊มรีเซตแล้วก็ตามก็ยังมีเทคนิคขี้โกงตามมาอีก 4.อ่านวิธีโกงที่ว่าคือ ถ้าเบิ้ลหัวจ่ายน้ำมันติดกันเร็วๆ2 ครั้งตัวเลขจะกระโดดขึ้นไปประมาณ30-50บาทดังนั้นจงอย่าละสายตาจนกว่าตัวเลขเริ่มวิ่งแล้วใครที่ชอบเติมน้ำมันปั๊ม JET โปรดางนี้..นี่คือเรื่องจริงที่เกิดขึ้น ปั๊มน้ำมัน JET สาขาประตูน้ำพระอินทร์(ข้างบริษัทมินิแบ)>>ดิฉันกำลังจะเดินทางไปต่างจังหวัด แต่เผอิญว่าน้ำมันในถังเหลือน้อยเต็มทีจึงเลือกปั๊มน้ำมัน JETสาขาประตูน้ำพระอินทร์ (ข้างบริษัทมินิแบ) เพราะมั่นใจในคุณภาพอย่างที่โฆษณาว่าเป็นระดับสากล เมื่อมาถึงปั๊มน้ำมัน จึงแจ้งเด็กปั๊มว่า เติมดีเซล 500 บาท เวลาผ่านไปไม่ถึง 2 นาทีเด็กปั๊มบอกเสร็จแล้วครับ พร้อมกับขอรับเงินตอนนั้นเรา (ดิฉันกับแฟน)>>ก็สงสัยว่าทำไมถึงไวมากแต่ก็จ่ายผ่านบัตรเครดิต เมื่อเด็กปั๊มนำบัตรมาคืน พร้อมกับเซ็นเรียบร้อยแล้วพอจะออก สตาร์ทรถ ปรากฏว่าน้ำมันไม่มี น้ำมันในถังยังตกเกเหมือนเดิมเราโมโหมากลงจากรถไปเรียก ปรากฏว่า เด็กปั๊มคนเดิม(ตัวเล็ก ๆ เตี้ย ค่อนข้างดำ)มาอธิบายว่าทำไมไม่มีน้ำมัน ทั้งที่จ่ายเงินไปแล้ว ไม่มีคำอธิบายจากเด็กปั๊มบอกเพียงว่า"ผมเติมแล้ว"จึงให้เด็กปั๊มคนเดิมไปเรียกผู้จัดการมาคุยแต่เด็กปั๊มไปเรียกคนเก็บเงิน (คิดว่าน่าจะเป็นหัวหน้า) อีกคนมาคุยเขาถามทางเราว่า "เกวัดน้ำมันไม่ขึ้นหรือครับ"เราก็เลยตอบไปว่า"เรื่องเกวัดน้ำมันเป็นไปไม่ได้ แต่เรากลัวว่าเติมน้ำมัน 500แล้วไม่ได้น้ำมันสักหยดมากกว่า"และถ้าไม่เคลียร์เรื่องคงถึงตำรวจ เพราะเรามั่นใจว่ารถเรามีน้ำมันเหลือน้อยมาก แฟนที่นั่งรถอยู่กดเครื่องคิดเลขแล้วถามว่า "เติม 500 จะได้น้ำมันกี่ลิตร เด็กปั๊มตอบว่า ประมาณ 38 ลิตรแต่ที่แป้นที่เด็กปั๊มจะต้องเคลียร์ก่อน แล้วถึงป้อนข้อมูลเข้าไปใหม่มันโชว์ เติม 500 บาท แต่ได้ 34 ลิตร แสดงว่า รถคันก่อนหน้านี้ เติม 500 บาทเหมือนกัน แต่เติมน้ำมันเบนซิน เลยได้ 34 ลิตร แสดงว่าเด็กปั๊มไม่ได้เคลียร์โปรแกรมแต่ที่น่าสงสัยคือ ทำไมเอาสายเข้าไปที่ถังน้ำมันแล้ว แต่ไม่มีน้ำมันแล้วบอกว่าเติมเสร็จแล้ว จุดประสงค์คืออะไร?ถ้ารถของดิฉันมีน้ำมันประมาณครึ่งถังใครจะบอกได้ว่าเป็นของใหม่หรือของเก่า คงต้องจ่ายเงินฟรี?แต่สุดท้ายเรื่องก็เลยสรุป เด็กปั๊มเติมน้ำมันให้ใหม่ 500 บาท แต่โดยดีไม่งั้นเรื่องคงยาวถึงตำรวจปั๊มก็คงเสียชื่อมากกว่านี้ มีอีกเรื่องที่คุยกับเพื่อนๆ หลังเหตุการณ์นี้ บางกรณีที่จ่ายเงินสดมีรถคันก่อนหน้าเรามา สมมติเขาเติม 200 บาท พอเราไปต่อ เราบอกเติม 300ถ้าไม่สังเกต บางทีเด็กปั๊มไม่เคลียร์โปรแกม เติมต่อจาก 200 เป็น 300เราจะได้น้ำมันแค่ 100 บาท ประเภทอย่างนี้ถ้าเป็นเงินสด เข้ากระเป๋าเด็กปั๊มทันที

Car Insurance : Beware ข้อระวังเกี่ยวกับประกันรถยนต์

เห็นคุยกันถึงเรื่อง พรบ. ประกันภัยผู้ประสบภัยทางรถยนต์ก็เลยขอพูดถึงเรื่องนี้สักหน่อยถ้าสมมติว่า คุณขับรถแล้วเกิดอุบัติเหตุทำให้บุคคลภายนอก บาดเจ็บหรือเสียชีวิตสิ่งที่คุณควรจำไว้ก็คือ " ประกันภัยมีหน้าที่ต้องจ่าย "แต่สิ่งที่พบเห็นบ่อยๆบนโรงพักก็คือพนักงานของบริษัทประกันภัยจะเอาเอกสารมาให้คนขับรถเซ็นแล้วพูดกำชับว่า"คุณไม่ผิดใช่ไหมๆ ถ้าคุณไม่ผิด คุณต้องเซ็นต์นะ"หารู้ไม่ว่าเอกสารที่เอามาให้เซ็นต์เป็นเอกสารที่สละสิทธิที่ทำให้บริษัทประกันภัยไม่ต้องจ่ายหมายความว่าหากมีการฟ้องร้อง คุณต้องจ่ายค่าเสียหายเองเต็มจำนวน
---------------------------------------
ผมเพิ่งไปโรงพัก เจอคดีที่คนขับรถชนคนตายรู้เท่าไม่ถึงการณ์เซ็นเอกสารดังกล่าวไปเจ้าหน้าที่ตำรวจอธิบายให้คนขับรถฟังภายหลังว่าเอกสารที่เซ็นกับบริษัทประกันไปน่ะโดนเค้าหลอกให้เซ็นรู้หรือเปล่า ผู้ต้องหาถึงกับจะไปกระโดดต่อยพนักงานของบริษัทประกันดีที่ตำรวจห้ามไว้ทันแต่ที่น่าเจ็บใจแทนก็คือพนักงานบริษัทประกันหยิบโทรศัพท์โทรขึ้นมาแล้วพูดว่า"ผมเอาเอกสารให้ลูกค้าเซ็นแล้วนะ อย่าลืม ส่วนแบ่ง ...%" (ผมจำตัวเลขไม่ได้)
-----------------------------------------
ดังนั้น หากไปขับรถชนใครเข้าก็อย่ารีบไปเซ็นต์เอกสารของบริษัทประกันนะครับ

This page is powered by Blogger. Isn't yours?