<$BlogRSDUrl$>

วันอาทิตย์, กันยายน 26, 2547

Joke2

@วิธีถนอมเมีย....ขำดีอย่าลืมอ่านนะ

เพื่อทะนุถนอมอายุการใช้งานเมียของท่านให้ยืนยาว
และเป็นการรักษาอายุของท่านเองด้วย เราขอแนะนำข้อปฏิบัติ หลักสิบประการ
เพื่อใช้และบำรุงรักษาเมียออโตเมติก ดังต่อไปนี้

1. เมื่อเริ่มจะใช้งานเมียนั้น ควรอุ่นเครื่องก่อนทุกครั้ง
เพราะการใช้งาน
ทันทีทันใด ในขณะที่น้ำมันเครื่องยังไม่ได้หล่อลื่นไปทั่วห้องเครื่องนั้น
อาจทำให้ลูกสูบติด หัก หรืองอได้

2. ในตอนออกสตาร์ทใหม่ๆ อย่าเร่งเครื่องทันที
เพราะการเร่งเครื่องทันทีนั้น
อาจทำให้ ผู้ขับเกิดอาการอ่อนเพลีย ขับได้ไม่นาน
อาการตอบสนองของเครื่องจะไม่ดี เครื่องกระตุก นอกจากนั้น
เครื่องอาจหงุดหงิด เกิดอาการสำลักน้ำมันได้ง่าย
และการเดินทางจะไม่ถึงที่หมาย

3. ในขณะติดไฟแดงนั้น ไม่ควรใช้งาน แม้ในทางทฤษฎีแล้ว
เครื่องบางเครื่องอาจเป็นช่วงเหมาะสมที่จะนำไปใช้งาน
แต่ในสภาพความเป็นจริงแล้ว ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า ไม่ควรใช้งาน
เนื่องจากเครื่องอาจเกิดปัญหา ผุกร่อน คราบเขม่า น้ำมันจารบี
อีกทั้งยังอาจผลเสียต่อสุขภาพของผู้ขับขี่ และเครื่องเช่นกัน
ในจังหวะไฟเขียว ก็ควรจะดูรอบเครื่องและอุณหภูมิด้วย อย่าสุ่มสี่สุ่มห้า
ใช้ไม่บันยะบันยัง อาจเกิดปัญหาอื่นตามมาได้
โดยเฉพาะในกรณีท่านที่ขับรถสปอร์ต ยืมเขามาขับ
หรือลักลอบขับยิ่งอันตรายมาก
สำหรับผู้ขับที่ยังไม่ได้มีรถส่วนตัวอย่างแท้จริง
ส่วนท่านที่ใช้รถครอบครัวกรณีนี้ไม่มีปัญหาแต่อย่างใด ตกลงกันได้เสมอ

4. สำหรับรถและเครื่องที่มีอายุการใช้งานมานาน การขับขี่อาจนุ่มนวล
แต่รู้สึกว่าการตอบสนองไม่เร้าใจ เนื่องจากเกิดความคุ้นชิน
ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า ท่านอาจเปลี่ยนแปลงวิธีขับ เช่น
รู้จักเข้าโค้งอย่างนุ่มนวล หรือในทางตรงกันข้าม เข้าโค้งรุนแรง
ขับถอยหลัง
ขับออกด้านข้าง ขับขึ้นเขา ขับลงเขา ขับๆ หยุด ๆ
ซึ่งจะเป็นวิธีที่ทำให้ผู้ขับเกิดความตื่นเต้น และเครื่องยนต์
ก็จะตอบสนองดีขึ้น หากท่านใช้วิธีขับแบบเดิม ทื่อๆ ไป ไม่มีความเร้าใจ
เครื่องและรถก็อาจอยากได้คนขับใหม่ด้วยเช่นกัน
อย่าได้คิดว่าเปลี่ยนรถจะง่ายกว่าฝ่ายเดียวนะ

5. สำหรับมือใหม่หัดขับนั้น หากได้รถยังไม่พ้น รัน-อิน ยิ่งควรทะนุถนอม
เพราะการขับอย่างรุนแรง ตะกรุมตะกรามนั้น อาจทำให้เครื่องยนต์เกิดความเข็ด
และไม่ให้ความร่วมมือในการเดินทางครั้งต่อไป
เนื่องจากอาจเกิดภาวะความเสียหายของห้องเครื่องได้ง่าย ควรค่อยเป็นค่อยไป
เมื่อใช้งานไปได้สักระยะหนึ่ง จึงควรเปลี่ยนแปลงวิธีการขับ เป็นขับโลดโผน
เสี่ยงตาย ขับควงสว่าน ขับลงน้ำ ขับกลางสายฝน ขับหงายท้อง
ก็แล้วแต่จะดัดแปลง

6. สำหรับผู้ใช้รถเก่า เมื่ออายุการใช้งานนานพอสมควร
หรืออายุเครื่องถึงสามสิบปี ควรนำเข้าศูนย์ เช็คช่วงล่าง และกันชนหน้าเสมอ
เพราะอาจเกิดสภาวะการผุกร่อน หรือการเปลี่ยน แปลงทางเคมี
ขอให้นำเข้าตรวจสภาพเป็นประจำ เพื่อยืดอายุการใช้งาน รักรถ ต้องหมั่นตรวจ
โปรดจำไว้..ส่วนการจะนำไปโอเว่อร์ฮอล หรือไม่นั้น แล้วแต่จะตกลงกัน
ในความเป็นจริงผู้เชี่ยวชาญ กล่าวว่า เรื่องนี้สำคัญที่ใจ
และฝีมือคนขับด้วย ไม่ใช่โทษแต่เครื่องยนต์อย่างเดียว

7. ระหว่างการขับขี่ ไม่ว่ารถมีอายุการใช้งานอย่างใด ข้อควรระวังก็คือ
ห้ามบ่นอย่างเด็ดขาด ว่า เครื่องไม่ฟิตเหมือนเดิม หรือว่ากำลังแรงม้าลดลง
ขับไม่ตื่นเต้น หรือชมว่า คันนู้น คันนี้ น่านั่งน่าขับ
เพราะอาจเกิดอุบัติเหตุถึงแก่ชีวิตได้ หรืออย่างเบาะ ๆ อาจเสียทรัพย์สิน
อุบัติเหตุในเรื่องดังกล่าว มี อัตราชายไทยเสียชีวิตสูงมาก
สังเกตุได้จากหน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์รายวัน

8. เทคนิคเล็ก ๆ น้อย ๆ ในการขับขี่ : การใช้งานอย่างราบรื่นนั้น
อาจต้องหมั่นเปลี่ยนบรรยากาศการขับ เปลี่ยนสถานที่ขับขี่ (อย่าเปลี่ยนคัน
อันตรายมาก เตือนแล้ว!!) สำหรับท่านที่ใช้รถครอบครัว
ให้ดูแลลูกเต้าให้หลับเป็นที่เป็นทางให้เรียบร้อย
เพราะการขับขี่อาจหยุดชะงักลงได้ เนื่องจากเจอปัญหา เด็กข้ามตัดหน้า
เด็กเปิดประตูระหว่างขับ ไม่ข้ามทางม้าลาย จนต้องอุทาน "ลูกใครหว่า?" เขิน
เป็นที่สุด..อ้อ..ไม่ควรสูบบุหรี่ก่อน หรือระหว่างขับ
เนื่องจากกลิ่นบุหรี่จะทำให้รถเกิดความสกปรก เครื่องยนต์ตอบสนองไม่ดี
แปรงฟันเสียด้วย หากกินข้าวกินปลาเสร็จใหม่ๆ พักสักแป๊บก็ดี เดี๋ยวจุกแย่
ผู้ขับมือใหม่ หากตื่นเต้น ระหว่างขับ ให้ชลอความเร็ว ลดรอบเครื่องยนต์
คิดเรื่องอื่น ๆ สูดหายใจยาว ๆ จะทำให้เกิดการผ่อนคลาย
และเดินทางได้นานขึ้น > > 9. ความรู้ทางด้านช่างเบื้องต้น: ระวังรักษา
ท่อไอดี และไอเสีย และท่อเติม น้ำมัน ให้ทำงานดีเสมอ การใช้งานอย่างสับสน
ผิดท่อผิดทางนั้น อาจเกิดความตื่นเต้นในการขับขี่เป็นครั้งคราว แต่ทั้งนี้
อาจเกิดผลเสียแก่เครื่องยนต์ในระยะยาว รักษาความสะอาด ทั้งหัวจ่ายน้ำมัน
และท่อต่าง ๆ ให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน หมั่นตรวจเครื่องยนต์และอื่น ๆ
ชมได้ ห้ามติ โดยเฉพาะ กันชนเล็กไป นุ่มไป เหลวไป หย่อนไป เครื่องหลวม
เครื่องสั่น ม่ฟิต เร่งไม่แรง แซงไม่พ้นโปรดพึงสังวร
ว่าเกิดจากการใช้งานอย่างไม่ถูกวิธีของท่าน หาใช่เกิดจากผู้ผลิต

10. ความปลอดภัย และวินัยจราจร: เมาไม่ขับ เนื่องจาก หากเมามากเกินไป
แม้มีความเชื่อว่า จะทำให้ขับได้นาน ทรหดก็ตาม แต่ก็จะสูญเสียทัศนวิศัย
และความสามารถในการตอบสนองอื่น ๆ อาจเกิดการผิดที่ผิดทาง
ลืมคาดเข็มขัดนิรภัย ขับผิดคัน
ล้วนแต่เป็นเหตุแห่งความเสี่ยงต่อชีวิตทั้งสิ้น

หมายเหตุ: สำหรับท่านที่ได้จ่ายเงินดาวน์มาเป็นระยะเวลายาวนานแล้ว
ได้จัดพิธีฉลองต่าง ๆ ในการได้รถมาใช้หลายปี
และได้จ่ายเงินสดแก่ผู้ผลิตแล้วก็ตาม
หากยังมีข้อสงสัยว่าทำไมเงินผ่อนต่องวดของท่าน ยังคงไม่หมด
และดูเหมือนจะสูงขึ้นไปเรื่อย ๆ นั้น อย่าได้สงสัยเลย
ก้มหน้าก้มตาทำงานไปเถิด
อย่าคิดมาก..มันเป็นกรรมของสัตว์โลก..ให้คิดเสียว่า ได้รถคู่ใจ
ขับขี่รู้ใจ
คล่องแคล่ว เบื่อบ้าง เซ็งบ้าง ก็ให้คิดความดีหนหลัง
ตอนที่เห็นรถในโชว์รูมใหม่ๆ จำความตื่นเต้น ในครั้งนั้นไว้
คิดถึงตอนได้มาเป็นเจ้าของ และโปรดจำไว้ ในสมัยปัจจุบัน มีโปรโมชั่น
ทดลองขับ ในรถรุ่นใหม่ๆ ก็ตาม
อย่าเผลอตัวไป..อันตราย..คันเก่าเอาตาย...เราเตือนท่านแล้ว
หวังว่าท่านจะได้ใช้ความรู้ เพื่อความปลอดภัย
ในการเดินทางอย่างตลอดรอดฝั่ง

....ด้วยความปรารถนาดี

คาถาบูชาผัว

รักผัว ต้องให้ผัว หมดทั้งตัว หมดทั้งใจ
รักผัว ต้องอ่อนไหว ผัวว่าไง ต้องว่าตาม
รักผัว ต้องเคารพ ต้องประจบ ไม่ลามปาม
รักผัว ต้องคล้อยตาม ไม่วู่วาม คอยเอาใจ
รักผัว ต้องอดทน ผัวเป็นคน ไม่ยอมใคร
รักผัว ต้องทำใจ ใช่ผัวใคร ก็ผัวเรา
รักผัว ต้องหมั่นสวย เดี๋ยวจะซวย ผัวไม่เอา
รักผัว ต้องคอยเฝ้า ถึงผัวเมา ก็ตามใจ
รักผัว ต้องฝึกฝน ผัวเป็นคน ชอบของใหม่
รักผัว ต้องเข้าใจ ผัวไปไหน อย่าห้ามปราม
รักผัว ต้องแข็งแรง ต้องพลิกแพลง ให้วาบหวาม
รักผัว ต้องทุกยาม ไม่ซักถาม ให้กวนใจ
รักผัว ต้องกล้าเสีย ยกน้องเมีย ให้ผัวไป
รักผัว ต้องสนใจ ผัวเป็นไง ต้องคอยดู
รักผัว ต้องพูดง่าย ไม่โวยวาย ไม่ลบหลู่
รักผัว ต้องเฝ้าดู หาอีหนู มาเอาใจ
รักผัว ต้องเชื่อฟัง ผัวเสียงดัง ต้องทนไหว
รักผัว ต้องรู้ใจ ผัวอยากได้ ต้องหามา
รักผัว ต้องใจเย็น ผัวเป็นเช่น เทวดา
รักผัว ต้องบูชา ผัวมีค่ากว่าสิ่งใด
รักผัว ต้องรักเดียว อย่าไปเที่ยว รักผัวใคร
รักผัว ต้องแน่ใจ ผัวของใคร ก็ของมัน
รักผัว ต้องแน่วแน่ ต้องรักแท้ ผัวของฉัน
รักผัว ต้องยึดมั่น ทุกข้อนั้น สำคัญเอย......

@ข้อความตอบรับโทรศัพท


ข้อความจากเครื่องโทรศัพท์ตอบรับอัตโนมัติยอดนิยม ต่อไปนี้

ได้มาจากสถาบันวิจัยเครื่องโทรศัพท์ตอบรับอัตโนมัตินานาชาติ
เลือกไปใช้ตามใจชอบนะคะ

1. ตอนนี้ผมกับภรรยาไม่สามารถ มารับโทรศัพท์ได้ คุณคงนึกภาพออกนะ
เราเพิ่งแต่งงานใหม่ ดังนั้นฝากชื่อกับเบอร์โทรไว้ แล้วเราจะโทรกลับไปเอง
เมื่อเรา เสร็จแล้ว

2. ข้อ ก. งาน - ข้อ ข. เบียร์ - ข้อ ค.ถ่ายทอดสดฟุตบอลกะมวย
นี่คือเหตุผล
ที่เราไม่อยู่ ดังนั้น กรุณทิ้งชื่อกับเบอร์ไว้

3. หวัดดี นี่ สมคิดพูด ถ้าคุณโทรจากองค์การโทรศัพท์ ผมจ่ายเงินแล้ว
ถ้าคุณคือพ่อกะแม่ผม ส่งเงินให้ผมหน่อย ถ้าคุณคือบริษัทเงินกู้
คุณให้เงินผมกู้น้อยไปหน่อยนะ ถ้าคุณคือเพื่อนผมก็จ่ายเงินที่ติดผมซะดีดี
และถ้าคุณเป็นผู้หญิงสาวสวย ล่ะก้อ ไม่ต้องห่วงผมมีเงินเยอะแยะครับ

4. ฮัลโหล ตอนนี้ชั้นไม่อยู่บ้าน แต่เครื่องตอบรับชั้นอยู่
พูดกับมันแทนไปก่อนละกัน หลังจากเสียง บี้บ ดังขึ้น

5. ฮัลโหล ผมคือเครื่องตอบรับของสมชาย คุณ ล่ะเป็น อะไร ?

6. (อันนี้ จากญี่ปุ่น) ไฮ้! นี่ซาโตะ นะ ถ้าคุณฝากข้อความไว้ ผมจะโทร
กลับไป แต่ถ้าคุณฝากข้อความพร้อมกับเสียงเซ็กซี่ไว้ ผมจะโทรกลับเร็วขึ้น

7. ฮัลโหล เครื่องตอบรับ ของสมพงษ์เสีย นี่ตู้เย็น มาพูดแทนอยู่
กรุณาพูดช้าๆ แล้วผมจะเอาข้อความที่คุณฝากไว้ ทับด้วยแม่เหล็กติดกับ
ตัวผมไว้อีกที

8. หวัดดี ผมอาจจะอยู่บ้านก็ได้ แต่ไม่อยากรับโทรจากบางคน
ฝากข้อความไว้สิ
ถ้าผมไม่โทรกลับ แสดงว่าคนที่ผมไม่อยากรับ คือคุณนั่นแหละ...

9.กรุณาฝากข้อความไว้ แต่คุณมีสิทธิ์ ตามกฎหมายที่จะไม่พูดอะไรก็ได้
ทุกอย่างที่ คุณ พูด จะถูกบันทึกไว้ และดำเนินการในศาลได้

10 สวัสดีครับ คุณโทรมาถูกแล้ว ล่ะ แต่ตอนนี้ ผม กับ ภรรยา
ไม่สามารถรับสายได้ เพราะว่าเรากำลังสนุกกับกิจกรรมบางอย่าง
กรุณาฝากข้อความไว้ ล่ะกัน เดี๋ยวเราแปรงฟันกันเสร็จแล้ว เราจะโทรกลับไป



@สิ่งที่ฉันมี
สามีภรรยาคู่หนึ่งที่อยู่ด้วยกันมานานกว่า 20 ปี

กำลังนั่งรถไปงานเลี้ยงด้วยกันั

โดยภรรยาเป็นคนขับด้วยความเร็วเพียง 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

แล้วจู่ๆ สามีก็เอ่ยน้ำเสียงอย่างเย็นชาว่า

”เราแต่งงานกันมายี่สิบปีแล้ว ที่ผ่านมาคุณดีกับผมก็จริงมง

แต่ตอนนี้ผมพบคู่ชีวิตคนใหม่แล้ว เธอคือเลขาฯ คนสวยของผมเอง”

ภรรยาขับเร็วขึ้นเป็น 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง สามีพูดต่อว่าง

”ผมต้องการหย่ากับคุณโดยเร็วที่สุด

ตลอดชีวิตการแต่งงาน ผมทำงานหาเลี้ยงครอบครัว

ส่วนคุณทำแต่งานบ้านเท่านั้น

ดังนั้น หุ้นบริษัทกับบ้านหลังใหญ่ควรเป็นกรรมสิทธ์ของผม”

ภรรยาขับเร็วขึ้นเป็น 100 กิโลเมตรต่อชั่งโมง

”ส่วนเงินในธนาคารห้าสิบล้าน
ผมจะเจียดให้คุณไปทำทุนสักห้าแสน

นอกจากนี้ คุณยังอยากได้อะไรอีกไหม”

”ไม่หรอกค่ะ สิ่งที่ฉันอยากได้ที่สุดฉันมีแล้ว แต่คุณไม่มี”

ภรรยาตอบเสียงเย็นชาเช่นกัน พลางกดคันเร่งเร็วขึ้นเป็น 120
กิโลเมตรต่อชั่วโมง
”อะไรที่คุณมี แต่ผมไม่มีน่ะ”
>”ถุงลมนิรภัย”

@คุณเคยรู้สึกแบบนี้กับใครบ้างฦ
คุณเคยรู้สึกผูกพันกับใครมั้ย

มีความสุข เมื่อเจอ คนคนนั้น
สบายใจ เมื่อเจอ คนคนนั้น
สนุกสนาน เมื่อเจอ คนคนนั้น
หัวเราะร่า เมื่อเจอ คนคนนั้น
โลกสดใส เมื่อเจอ คนคนนั้น
มีกำลังใจ เมื่อเจอ คนคนนั้น
มีกำลังกาย เมื่อเจอ คนคนนั้น
ตื่นเต้น เมื่อเจอ คนคนนั้น

การที่คนเราจะเริ่มผูกพันกับใครสักคนหนึ่ง สิ่งนั้นจะต้องถูกสร้างมาจาก ...

พูดคุยกัน ยิ้มให้กัน ทานข้าวกัน
ไปไหนกัน เป็นห่วงกัน ดูแลกัน
เข้าใจกัน พึ่งพากัน มีกันและกัน...
สิ่งนั้นมันต้องใช้ ”เวลา” เพื่อที่จะทำให้ความผูกพันธ์ แนบแน่น และสนิทใจกันมากขึ้น ผูกพันต้องใช้
“เวลา”เนิ่นนานจนกระทั่งไม่มีโอกาสได้เจอกันอีก หรือ รวดเร็วจนไม่ทันที่จะตั้งตัวได้ กว่าจะรู้ว่าผูกพัน ก็สายเกินกว่าที่จะเดินมาบอกได้ว่าเป็นห่วงนะ แล้วเวลานานแค่ไหนหล่ะที่จะทำให้เรา “ผูกพัน”

1 นาที
1 ชั่วโมง
1 วัน
1 เดือน
1 ปี
1 ชั่วชีวิต

“เวลา” ของคนแต่ละคนแท้จริงแล้ว มันมีระยะห่างของเวลาไม่เท่ากัน
“เวลา” เป็นผลต่างของ จุดเริ่มต้น และจุดสิ้นสุด โดยมีความรู้สึกเป็นตัวแปร
“เวลา” 1 วัน เท่ากับ 24 ชั่วโมง เหมือนกันทุกวัน เคยคิดกันบ้างไหมว่าทำไม
บางวัน ... รวดเร็ว
บางวัน... เนิ่นนาน
“เวลา” ไม่ใช่ค่าคงที่ ซึ่งมีความรู้สึกเป็นตัวแปร ที่จะมาเพิ่มคุณค่าและ ระยะเวลาให้แตกต่างกันไป
“เวลา” ที่เท่ากัน คุณดูแล เอาใจใส่ และ มองลึกลงไปในรายละเอียดให้กับคนที่เรา ”ผูกพัน” แค่ไหน
ไม่สามารถที่จะบอกได้ว่า ทำไม ผลต่างของ การเริ่มรู้จักกัน และ กำลังไม่รู้จักกัน ที่มีค่าเท่ากับ 1 เดือน
จะสามารถสร้าง คำว่า “ผูกพัน” ขึ้นมาได้
คนนี้: รู้จัก(เริ่มต้น)--พูดคุยกัน, ยิ้มให้กัน,ไปไหนกัน, เป็นห่วงกัน, ดูแลกัน--ไม่รู้จัก(สิ้นสุด)
ผลต่าง 1 เดือน เท่ากับ “ผูกพัน”
บางคน: รู้จัก(เริ่มต้น)--พูดคุยกัน, ยิ้มให้กัน,ไปไหนกัน, เป็นห่วงกัน, ดูแลกัน--ไม่รู้จัก(สิ้นสุด)

ผลต่าง 1 ปี เท่ากับ “ผูกพัน”
1 เดือน มีค่าเท่ากับ 1ปี “เวลาไม่ใช่ค่าคงที่”
อย่าลืม ใส่ความรู้สึกเข้าไปในเวลา เพราะสิ่งนั้นจะทำให้เวลาแต่ละนาที มีระยะที่ยาวนานยิ่งขึ้นขึ้น



@คุณให้คำจำกัดความของ อวัยวะของผู้ชาย(ไอ้นั่น) ว่า อย่างไร
> พิธีกรผู้ตั้งคำถาม : มิส อเมริกา ไม่ทราบว่า ในประเทศของคุณ >คุณให้คำจำกัดความของ อวัยวะของผู้ชาย(ไอ้นั่น) ว่า อย่างไร ?


มิส อเมริกา >: ในบ้านของไอ เราเรียกมันว่า สุภาพบุรุษ >พิธีกรผู้ตั้งคำถาม : ทำไมคุณถึงพูดอย่างนั้นล่ะ? >มิส อเมริกา: เพราะว่ามันลุกขึ้นทุกครั้ง ที่เห็นสุภาพสตรี >(เสียงปรบมือ แปะๆ! แปะๆ!)

> >พิธีกรผู้ตั้งคำถาม : มิส สเปน ไม่ทราบว่า ในประเทศของคุณ >คุณให้คำจำกัดความของ อวัยวะของผู้ชาย(ไอ้นั่น) ว่า อย่างไร ?

มิส สเปน : >ไอ้นั่นของผู้ชาย ในประเทศของเรา เหมือนกับ วัวกระทิง ที่เราใช้ในการแสดง >การสู้วัวกระทิง พิธีกรผู้ตั้งคำถาม : ทำไมคุณถึงพูดอย่างนั้นล่ะ? >มิส สเปน : เพราะว่า มันพุ่งเข้าหาทุกครั้ง ที่เห็นช่องเปิด >(เสียงปรบมือ แปะๆ! แปะๆ!)

> >พิธีกรผู้ตั้งคำถาม : มิส ฟิลิปปินส์ ไม่ทราบว่า ในประเทศของคุณ >คุณให้คำจำกัดความของ อวัยวะของผู้ชาย(ไอ้นั่น) ว่า อย่างไร ?

มิส >ฟิลิปปินส์ : ฉันพูดได้เลยว่า ไอ้นั่นของผู้ชายในบ้านดิฉัน เหมือนกับ >ข่าวซุบซิบ และ ข่าวลือ พิธีกรผู้ตั้งคำถาม : ทำไมคุณถึงพูดอย่างนั้นล่ะ? >มิส ฟิลิปปินส์ : เพราะว่า มันผ่านจากปากนึง สู่อีกปากนึงต่อๆกัน >(เสียงปรบมือ แปะๆ! แปะๆ! พร้อมทั้งลุกขึ้นโห่กรี๊ดลั่น >ต่อด้วยเสียงปรบมือยาว )

> >พิธีกรผู้ตั้งคำถาม : มิส อิหร่าน ไม่ทราบว่า ในประเทศของคุณ >คุณให้คำจำกัดความของ อวัยวะของผู้ชาย(ไอ้นั่น) ว่า อย่างไร ? มิส อิหร่าน >: โอ้ ในบ้านชั้น เราว่า ไอ้นั่น ของผู้ชายมันเหมือนกับ ขโมย >พิธีกรผู้ตั้งคำถาม : ทำไมคุณถึงพูดอย่างนั้นล่ะ?

>มิส อิหร่าน : เพราะว่า พวกมันชอบเข้า ทางประตูหลัง >(เสียงปรบมือ แปะๆ! แปะๆ! พร้อมเสียงหัวเราะดังลั่น ยาว >ต่อด้วยเสียงปรบมือยาว )

> >พิธีกรผู้ตั้งคำถาม : มิส อินเดีย ไม่ทราบว่า ในประเทศของคุณ >คุณให้คำจำกัดความของ อวัยวะของผู้ชาย(ไอ้นั่น) ว่า อย่างไร ?

มิส อินเดีย >: อืมมม ในประเทศ ของฉานๆๆ เรา ว่าไอ้นั่น ของผู้ชาย มันคล้ายกับ กรรมกร >พิธีกรผู้ตั้งคำถาม : ทำไมคุณถึงพูดอย่างนั้นล่ะ? >มิส อินเดีย : เพราะว่าพวกมันต้องทำงานหนัก ทั้งกลางวัน และกลางคืนน่ะสิ >(เสียงปรบมือ แปะๆ! แปะๆ! แปะๆ! แปะๆ!แปะๆ! แปะๆ!แปะๆ! แปะๆ! >ติดต่อกันยาวนาน )

> >พิธีกรผู้ตั้งคำถาม : มิส สิงค์โปร์ ไม่ทราบว่า ในประเทศของคุณ >คุณให้คำจำกัดความของ อวัยวะของผู้ชาย(ไอ้นั่น) ว่า อย่างไร ?

มิส >สิงค์โปร์ : ในสิงค์โปร์ เราเรียกไอ้นั่นของผู้ชาย ว่าพวก Kia-Su ( >พวกกลัวพลาด) พิธีกรผู้ตั้งคำถาม : ทำไมคุณถึงพูดอย่างนั้นล่ะ? >มิส สิงค์โปร์ : เพราะพวกมันชอบที่จะพรวดพราดเข้าไปอย่างรวดเร็วแล้ว >ก็รีบออกมา 15นาที ก่อนการแสดงจะจบทุกที (เสียงปรบมือ แปะๆ! แปะๆ! แปะๆ! >แปะๆ!แปะๆ! แปะๆ!แปะๆ! แปะๆ! ติดต่อกันยาวนาน )

> >พิธีกรผู้ตั้งคำถาม : มิส ไชน่า ไม่ทราบว่า ในประเทศของคุณ >คุณให้คำจำกัดความของ อวัยวะของผู้ชาย(ไอ้นั่น) ว่า อย่างไร ? มิส ไชน่า : >ในจีนพวกเราว่าไอ้นั่นของผู้ชายคล้ายกับท่านผู้นำ Deng Siu Ping. >พิธีกรผู้ตั้งคำถาม : ทำไมคุณถึงพูดอย่างนั้นล่ะ?

>มิส ไชน่า : คือว่า แม้มัน สั้น(เตี้ย) และ ต้องตรากตรำ งานหนัก >แต่ว่ามันก็ยัง ทำงานได้จนถึงอายุ 90 ปี (เสียงปรบมือ แปะๆ! แปะๆ! >พร้อมเสียงหัวเราะดังลั่น ยาว ต่อด้วยเสียงปรบมือยาว )

> >พิธีกรผู้ตั้งคำถาม : มิสไทยแลนด์ ไม่ทราบว่า ในประเทศของคุณ >คุณให้คำจำกัดความของ อวัยวะของผู้ชาย(ไอ้นั่น) ว่า อย่างไร ? มิส >มิสไทยแลนด์ : ในประเทศของเรา เราเปรียบไอ้นั่นเหมือนกับ นักการเมือง >พิธีกรผู้ตั้งคำถาม : ทำไมคุณถึงพูดอย่างนั้นล่ะ?

>มิส มิสไทยแลนด์ : อ๋อ เพราะว่า พวกมันวันๆ งานการไม่ทำ ได้แต่เดินแกว่งไป >แกว่งมา แล้วก็ถุย!!!ไปวันๆ เท่านั้น


@นิทานก่อนเลิกงาน> >Date: Tue, 4 Feb 2003 15:15:43 +0700


> >> >> >> >กาลครั้งหนึ่ง เจ้าเต่ากับกระต่ายเถียงกันว่าใครเร็วกว่ากัน> >ทั้งคู่จึงตกลงที่จะวิ่งแข่งะต่> >มีการกำหนดเส้นทางวิ่งแล้วก็เริ่มการแข่งขัน> >เจ้ากระต่ายนำโด่งมาไกลก็เลยชะล่าใจ> >คิดว่าพักผ่อนใต้ต้นไม้ซักกะแป๊บนึ่งก่อนแข่งต่อก็คงดี> >ไปๆมาๆก็ง่วงสิ ตื่นมาอีกทีเจ้าเต่าก็คว้าแชมป์ไปแล้ว> >นิทานตอนนี้สอนให้รู้ว่า ช้าๆแต่มั่นคงสามารถเอาชนะได้(เหมือนกัน)> >นี่เป็นเวอร์ชัน เดะๆที่เราคุ้นหูกัน> >ไม่นานมานี้มีคนเล่าเวอร์ชันใหม่ที่น่าสนใจให้ฟัง> >ต่อเลยนะ....> >> >> >เจ้ากระต่ายสันหลังยาวก็อารมณ์บ่จอยตามระเบียบที่แพ้> >มันจึงค้นหาจุดอ่อนของตนเองมณ์บ> >> >มันก็พบว่าความมั่นใจในตัวเองเกินไปบวกกับความขี้เกียจ> >ของมันนั่นแหละที่ทำให้แพ้> >ถ้ามันไม่เผลอหลับซะอย่าง เต่าหน้าไหนจะเอาชนะมันได้ยาก> >มันจึงขอแก้ตัวใหม่อีกครั้งต่าห> >"เฮ้ย..เมื่อกี๊ฟลุ้คอ๊ะป่าว แน่จริง..ใหม่เด่ะ" เจ้าเต่าก็ตกลงน> >ย่อมได้ไอ้น้อง"....> >> >แน่นอนว่าครั้งนี้ เจ้าเต่าโดนทิ้งไม่เห็นฝุ่น กระต่ายชนะขาดลอยน> >เราได้ข้อคิดอะไรล่ะ...> >> >ต่อให้ช้าแต่ชัวร์ ยังไงก็แพ้เร็วและสม่ำเสมอน> >ถ้าเราเปรียบเทียบคนสองคนในองค์กรของเรา คนนึงช้าจริงย> >ทำอะไรมีระบบระเบียบแบบแผน แต่ทำอะไรๆไม่เคยพลาดา> >ไว้ใจได้แน่นอนในผลงานของเขาต่ท> >เทียบกับอีกคนนึงที่เร็วและก็พอไว้ใจได้ในสิ่งที่เขาทำ> >คนที่เร็วกว่ามักจะประสบความสำเร็จมีความเจริญก้าวหน้าในองค์กรนั้นๆมากกว่า> >> >(ซิกแซกไม่เป็น อะไรลัดได้ เร็วได้ก็ไม่กล้าเสี่ยงไม่กล้าทำ> >ผลงานก็เลยน้อยมั้ง)> >ไอ้ช้าแต่ชัวร์น่ะมันก็ดีอยู่หรอก แต่ให้เร็วและพอใช้ได้นี่ดีกว่า....> >> >เรื่องยังไม่จบแค่นี้> >คราวนี้ถึงทีเจ้าเต่ามาหาจุดบกพร่องของตัวเองบ้าง และมันก็พบว่า่า> >เป็นไปไม่ได้เลยที่มันจะชนะกระต่ายในเส้นทางการวิ่งแบบที่เป็นอยู่นี้> >มันก็คิดอยู่ซักครู่หนึ่งก็ไปท้ากระต่ายแข่งใหม่> >แต่ขอเปลี่ยนเส้นทางวิ่งซะหน่อย> >เจ้ากระต่ายก็ว่าย่อมได้อยู่แล้วเพ่ พอการแข่งเริ่มปุ๊บี่> >เจ้ากระต่ายก็ใส่เกียร์ห้อออกไปเต็มสปีดเลย> >จนกระทั่งไปถึงระหว่างทาง "เฮ้ย!!!..เวรกรรม ต้องข้ามแม่น้ำ ทำไงล่ะตู..."> >เส้นชัยอยู่ไม่ห่างจากฝั่งตรงข้ามเท่าไหร่เลย> >> >เจ้ากระต่ายมัวแต่เง็งว่าจะทำไงดี> >จนเจ้าเต่าคืบคลานมาทันแล้วก็จ๋อมลงน้ำว่ายข้ามฝั่งไปเข้าเส้นชัย> >นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า....> >> >พิจารณาจุดแข็งของตนให้ดีแล้วพยายามเปลี่ยนสนามการแข่งขันให้> >ตนเองได้เปรียบมากที่สุดี> >> >ย๊างงง ยังไม่พอ มีต่อ....> >> >ด้วยน้ำใจนักกีฬา ครั้งนี้เจ้าเต่ากับกระต่ายเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันแล้ว> >ต่างคนต่างมาระดมสมองคิดด้วยกัน หากทั้งสองร่วมมือกันอ> >การแข่งแบบเมื่อครั้งล่าสุดจะช่วยให้ทำเวลาได้ดีขึ้น> >> >ดังนั้น พวกมันจึงคิดจะแข่งอีกครั้ง แต่แข่งคราวนี้เป็นแบบทีมเวิร์ค> >> >เริ่มต้นเจ้ากระต่ายก็แบกเต่าวิ่งไปด้วยความเร็วสูง จนถึงริมแม่น้ำคล้ว> >เจ้าเต่าก็ให้กระต่ายขี่หลังว่ายข้ามไป> >พอข้ามฝั่งเจ้ากระต่ายก็แบกเจ้าเต่าวิ่งต่อจนเข้าเส้นชัยด้วยกัน> >> >ผลการแข่งครั้งนี้สร้างความพึงพอใจให้กับทั้งสองฝ่าย(ตัว)มากกว่า้ำคล้ว> >การแข่งครั้งก่อนๆหน้านี้าม> >> >นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า....> >> >การมีจุดแข็งและความสามารถโดดเด่นเฉพาะตัวเป็นสิ่งที่ดี> >แต่หากไม่รู้จักทำงานร่วมกับผู้อื่น> >ยังไงก็ไปไม่รอด เพราะมันจะมีบางสถานการณ์ที่เราเจ๋งคนอื่นเจ๊ง> >ในขณะที่บางสถานการณ์เราเจ๊งแต่คนอื่นเจ๋ง> >> >ทีมเวิร์คสำคัญตรงที่การกำหนดผู้นำให้เหมาะกับสถานการณ์> >> >ให้ผู้ที่มีความถนัดกับสถานการณ์นั้นๆเป็นผู้นำกลุ่มในแต่ละช่วง> >สถานการณ์ที่เหมาะกับความสามารถของเขา> >> >นอกจากนี้เรายังได้บทเรียนอีกอย่างหนึ่งด้วยว่า ไม่ว่าเต่าหรือกระต่ายว> >ไม่มีใครที่คิดเลิกล้มหรือท้อแท้หลังจากความความล้มเหลวได้เกิดขึ้น> >กระต่ายแก้ไขจุดบกพร่องของตนเองโดยการทำงานที่หนักขึ้น> >และเพิ่มความมุมานะในงานของตนเองหลังจากพบความล้มเหลว> >ส่วนเต่าได้ปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ของตนใหม่> >เพราะตัวมันเองได้ทำงานหนักที่สุดเท่าที่มันจะสามารถทำได้แล้ว ในชีวิตว> >เมื่อเราพบกับปัญหาหรือความล้มเหลว> >บางครั้งเราก็ควรจะทำงานให้หนักขึ้นและมีความเอาใจใส่ในงานมากกว่าเดิม> >บางครั้งก็ควรเปลี่ยนแผนการทำงานและทดลองในสิ่งใหม่ๆที่แตกต่างออกไป> >และในบางครั้งก็จำเป็นต้องทำทั้งสองอย่างเลย> >> >นอกจากนั้น กระต่ายกับเต่าก็ได้บทเรียนที่สำคัญอีกอย่างคือ> >เมื่อเราหยุดการแข่งขันกับตัวบุคคล> >แล้วหันมาแข่งขันกับสถานการณ์แทน พวกมันจะทำงานได้ดีขึ้นมา @ Joke2ถอดรหัส พลทหารเรือ : "นี่ครับโทรเลขพิเศษจากท่านผู้บัญชาการ มาถึงท่านผู้การ เป็นการส่วนตัวครับ" ผู้การเรือ : "อ่านให้ฟังทีซิ" พลทหารเรือ : "คุณเป็นคนที่ทำงานผิดพลาด ไร้สติปัญญา และโง่ดักดานที่สุด ในกองทัพเรือของเรา" ผู้การเรือ : ( หลังจากนิ่งไปสักครู่ ) "ทหารเอาไปถอดรหัสเดี๋ยวนี้" ดีกว่าหมอ แจ็คสันไปปรึกษาจิตแพทย์ "หมอ" เขาครวญ "ผมแย่แล้ว ทุกครั้งที่ผมนอนบนเตียง ผมรู้สึกว่ามีคนอยู่ใต้เตียง พอนอนใต้เตียง ผมก็รู้สึกว่ามีคนอยู่บนเตียง บน ใต้ ใต้ บน ผมจะบ้า" "ให้ผมรักษาแล้วกัน" หมอบอก "คุณมาหาผมอาทิตย์ล่ะครั้งแค่สองปีก็หายขาด" "คิดค่ารักษาเท่าไหร่ครับ" "ครั้งละร้อยเหรียญ" "ขอผมคิดดูก่อนน่ะครับ" แจ็คสันไม่โผล่หน้ามาอีกเลย หกเดือนต่อมา จิตแพทย์ก็เจอเขาที่ถนนโดยบังเอิญ "อ้าว" หมอทัก "ทำมคุณไม่กลับไปหาผมล่ะ" "ครั้งล่ะร้อยเหรียญหรือ ไม่มีวันซะล่ะ คนชงเหล้ารักษาผมหายเสียแค่สิบเหรียญเท่านั้น" "งั้นรึ..เขาทำไง" "เขาบอกให้ผมตัดขาเตียงออก" เป็นงั้นไป @บ็อบคนงานขุดหลุมฝังศพเกิดทำงานเพลินไปหน่อยเลยขุดหลุมลึกไปเกินกว่า จะปีนขึ้นมาจากหลุมได้ ถึงพยายามอย่างไรก็ไม่สำเร็จบ็อบจึงเริ่มตะโกนขอความช่วยเหลือ "ช่วยผมขึ้นไปหน่อย ผมหนาว" บ็อบร้องดังๆ บังเอิญชายขี้เมาคนหนึ่ง เดินมาฉี่ลงในหลุมฝังศพที่ยังไม่ใช้พอดี และก็มองเห็นว่ามีคนขอความช่วย เหลืออยู่ที่ก้นหลุม "มิน่าล่ะแกถึงได้หนาว" ชายขี้เมาพึมพำ "ก็ไม่มีใครเอาดินกลบแกนี่" ว่าแล้วชายขี้เมาก็เริ่มโกยดินลงใส่หลุม @ฮิตเลอร์ ที่โรงพยาบาลประสาท คนไข้กำลังทะเลาะกันลั่นโรงพยาบาลคนไข้คนแรก "ข้านี่แหละคือฮิตเลอร์ผู้ยิ่งใหญ่"คนไข้คนที่สอง "ฮิตเลอร์มีคนเดียวคือฉัน"คนไข้คนแรก "พูดให้สวยนะ ฉันโว้ย..คือฮิตเลอร์ตัวจริง"คนไข้คนที่สอง "ใครบอกแกว่ะว่าเป็นตัวจริง"คนไข้คนแรก "พระเจ้าโว้ย" ทันใดก็มีเสียงหนึ่งสวนออกมาจากข้างๆ เตียงว่า"เฮ้ยๆ ..ข้าไม่ได้บอกน่ะโว้ย" @ยังตกลงกันอยู่ วันนั้นคุณแม่จำใจทิ้งลูกทั้งสามคนไว้ที่บ้านตามลำพังเนื่องจากมีธุระด่วน โดยสัญญาว่าจะมีรางวัลให้ ลูกคนที่เรียบร้อยที่สุด เมื่อกลับมาบ้าน สองชั่วโมงต่อมา คุณแม่ค่อยๆ แง้มประตูรั้วบ้านพร้อมกับนึกขอบคุณสวรรค์ ที่ทุกอย่างอยู่ในความสงบ แต่พอไขกุญแจบ้านเท่านั้นเสียงทะเลาะตบตีก็ดังสนั่นทันที ลูกทั้งสามเตะต่อยทุบถองหยิกทึ้งกันอุตลุต "หยุดเดี๋ยวนี้ นี่ลูกตีกันทำไม" "เรากำลังตกลงกันว่าใครเป็นคนเรียบร้อยที่สุดตอนที่แม่ไม่อยู่บ้านค

@Joke3เรื่องของครู ครูสอนประวัติศาสตร์ "รอสเธอรู้ไหมว่ามีอะไรสำคัญเกิดขึ้นในปี ค.ศ.1809" รอส : "ลินคอล์นเกิดครับครู" ครู : "เอาล่ะ..แล้วในปี 1812 ล่ะ" รอส : "ลินคอล์นก็อายุครบ 3 ขวบน่ะซิครับ" @แจ๋วกว่า ท่านบาทหลวงกับโชเฟอร์ขับแท็กซี่ตายในเวลาเดียวกัน แต่แทนที่บาทหลวงจะได้ขึ้นสวรรค์กลับปรากฏว่าโชเฟอร์ได้ขึ้นไปแทน บาทหลวงผิดหวังมากจึงโวยวายกับยมพบาล "ยังงี้มันไม่ยุติธรรมชัดๆ ข้ามีหน้าที่เทศนาสั่งสอนให้คนทำความดีจนปากเปียกปากแฉะแต่กลับตกนรก ส่วนเจ้าโชเฟอร์นั่นพูด คำสบถคำ ขับรถเป็นพายุบุแคม ผู้โดยสารแทบจะเป็นลมตายมันกลับได้ขึ้นสวรรค์" "เจ้าพูดถูก" ยมพบาลยอมรับ "แต่ทุกครั้งที่เจ้าเทศน์คนฟังจะหลับหมด ส่วนเจ้าโชเฟอร์นั่นทำงานเมื่อไหร่คนจะตาโตระลึกถึงพระผู้เป็นเจ้าทุกที" @ เกือบหมดเคทกับวิเวียนคุยถึงเรื่องโรส"นี่..เธอเคยเห็นยัยโรสสวมชุดใหม่หรือยัง""ยังเลย ชุดใหม่ที่เธอพูดถึงมีอะไรพิเศษหรือ""มันโป๊มากเลย ทั้งข้างบนข้างล่าง""เหรอ..มันทำด้วยอะไรล่ะ""ฝ้าย 20% ผ้าไหม 10% และโรส 70% ย่ะ!" @ ปริมาณเพิ่ม แม่ : "บอกแม่ซิทำไมหนูถึงไปกินช็อกโกแลตที่หน้ากระจก" แอนนี่ : "เพื่อจะได้รู้สึกว่าหนูกินช็อกโกแลตสองอันยังไงค่ะแม่" @ไม่ต้องห่วง หลานๆ ต่างเป็นห่วงกลัวว่าป้ามาเรียจะขึ้นคาน "น้ามีหมาที่นอนกรนครืดคราด มีนกแก้วที่ชอบสบถสาบาน มีแมวที่ชอบออกเที่ยวยามราตรีอยู่แล้ว ทำไมน้าต้องมีสามีอีกล่ะ " ป้ามาเรียตอบทุกคนอย่างอารมณ์ดี" @ของหมาโดยเฉพาะ ถาม : "เพื่อนที่ดีที่สุดของคนคือหมา แล้วเพื่อนที่ดีที่สุดของหมาล่ะ" ตอบ : "เสาไฟฟ้าไง"


@นิทาน
ค ว า ม ย า ก จ น
อภิมหาเศรษฐีเกือบจะชราผู้หนึ่งสุดแสนจะภูมิใจที่ลูกชายวัยห้าขวบของเขากำลังจะได้เข้าเรียนในโรงเรียนชื่อดัง ซึ่งระดับเศรษฐีอย่างพวกเขาเท่านั้นจึงจะมีปัญญาส่งลูกหลานเข้าเรียนในโรงเรียนนี้ได้ โดยส่วนตัวของเขาเองก็อยากจะสอนให้ลูกชายรู้จักกับชีวิตจริงในโลกควบคู่ไปกับการสอนทฤษฏีในโรงเรียน ในวันหยุดเขาจะตระเวนพาลูกชายคนเดียวไปท่องเที่ยวในสถานที่ต่าง ๆ
แล้ววันหนึ่งเขาก็คิดถึงหัวข้อการสอนเรื่องความยากจน เพราะเขามีความเชื่อว่าลูกชายของเขาคงไม่มีวันรู้จักแน่นอน เขาจึงพาลูกชายไปเยี่ยมครอบครัวชาวนาครอบครัวหนึ่ง และพักอยู่กับชาวนาเป็นเวลา 1 วัน 1 คืน เมื่อกลับถึงคฤหาสน์ของเขาในวันต่อมามหาเศรษฐีก็จะทดสอบว่าลูกชายได้อะไรบ้างจากการไปพักแรมกับชาวนาผู้ยากจน
ลูกชายตอบคำถามผู้เป็นบิดาว่า เขาขอขอบคุณเป็นอย่างมากที่ได้พาเขาไปพบกับ ชาวนาและพักแรมที่นั่น ซึ่งทำให้เขาได้พบว่า
$ชาวนามีที่ทำงานเป็นท้องนาที่กว้างใหญ่ ในขณะที่พ่อมีเพียงห้องสี่เหลี่ยมที่ว่ากว้างแต่ก็ยังน้อยกว่าท้องนาของชาวนา
$อาหารที่ชาวนารับประทานสามารถหาได้ตลอดเวลารอบๆบริเวณบ้านโดยไม่ต้องซื้อหาในขณะที่บ้านของเรามีตู้เย็นเท่านั้นที่เป็นที่เก็บอาหาร
$เวลารับประทานอาหารก็มีเพื่อนคุยอย่างพร้อมหน้าพร้อมตาพ่อแม่ลูก ในขณะที่ตัวเองก็ต้องนั่งทานอาหารกับโต๊ะอาหารที่ยาวเกือบสิบเมตรและมีเก้าอี้ว่างเปล่าทั้งสองด้าน
$ลูกชาวนาที่ซ้อนท้ายจักรยานของพ่อเขาต้องกอดเอวพ่อให้แน่นเพื่อจะได้ไม่ตกจากจักรยานและเขาเองต้องนั่งในรถที่ใหญ่โตอยู่ข้างหลังเพียงลำพังโดยมีคนขับรถพาไปทุกที่
$ชาวนามีแสงดาวแสงจันทร์เป็นโคมไฟส่องสว่างตลอดเวลาในเวลากลางคืนโดยไม่ขาดแคลน แต่เขาก็มีเพียงแสงจากโคมไฟที่ต้องซื้อด้วยเงิน
$ชาวนามีรั้วบ้านเป็นแม่น้ำภูเขาที่กว้างสุดลูกหูลูกตาแต่เขาเองกับมีเพียงแค่กำแพงบล๊อคในพื้นที่ไม่กี่ไร่
$ลูกชาวนาได้มีเพื่อนเล่นเป็นจิ้งหรีด หิ่งห้อยนับร้อยนับพัน แต่เขาเองกับ ไม่มีใครเลย เขาขอบคุณพ่ออีกครั้งที่ทำให้เขารู้คำตอบว่า จริง ๆ แล้ว…
เรายากจนกว่าชาวนามาก


@เฮเฮ ฮาฮา 3
เจ้าหญิงองค์หนึ่งกำลังจะเลือกคู่ และเธอตัดสินใจเลือกที่ความยาว ชายคนแรกที่มาสมัครแสดงขนาดอันมหัศจรรย์ของตัวเองให้เจ้าหญิงดู มันยาวถึง 8 นิ้วเจ้าหญิงรู้สึกทึ่ง แต่ก็ยังคิดว่าน่าจะมีที่น่าสนใจกว่านี้ คนถัดมายาวถึง 10 นิ้ว เจ้าหญิงรู้สึกมั่นใจขึ้นว่าความคิดของเธอถูก...ไอ้ที่ยาวกว่านี้น่าจะมีอีก คนถัดมานี่สิ ยาวถึง 1 ฟุตเจ้าหญิงค่อนข้างมั่นใจว่าขนาดนี้แหละไม่น่ามีใครเทียบได้ แต่เพื่อความมั่นใจเธอจึงให้เขาแสตนด์บายไว้ก่อน แล้วเรียกคนถัดไปเข้ามา คนถัดมาถอดกางเกงออก เจ้าหญิงหัวเราะอย่างสมเพสเขา เพราะมันยาวแค่หนึ่งนิ้ว ชายหนุ่มจึงดีดนิ้วหนึ่งครั้ง มันยาวขึ้นทันทีหนึ่งนิ้ว เขาดีดต่อเนื่องอีกหลายครั้ง และทุกครั้งมันยาวขึ้นครั้งละหนึ่งนิ้ว จนกระทั่งมันยาวเกือบสองฟุต เจ้าหญิงอึ้ง เธอกลืนน้ำลายถามชายหนุ่มว่าถ้าจะให้มันสั้นลงจะต้องทำยังไง ชายหนุ่มยิ้ม เขาตบมือหลายครั้ง ทุกๆครั้งมันจะสั้นลงหนึ่งนิ้ว เขาตบจนขนาดมันเหลือแค่หนึ่งนิ้วแล้วจึงหยุด เจ้าหญิงพอใจมาก เธอไม่ลังเลที่จะเลือกชายหนุ่มคนนี้ทันที คืนอภิเษกมาถึง ผู้คนทั้งเมืองมาร่วมแสดงความยินดีด้วย และเมื่อเจ้าหญิงและว่าที่สวามีมาปรากฏกาย ฝูงชนโห่ร้องด้วยความยินดี แต่ทั้งเจ้าหญิงและสวามีกลับหน้าซีด เพราะชาวเมืองตบมือกันสนั่นเมืองเลยแหละ!!!

@เฮเฮ ฮาฮา 2 ในสมัยที่จูดาสสานุศิษย์ที่ทรยศต่อพระเยซูยังติดตามพระองค์อยู่นั้น วันหนึ่งพระเยซูได้นำเหล่าศิษยานุศิษย์รอนแรมจาริกแสวงบุญผ่านเส้นทางอันยาวไกล เหล่าสานุศิษย์ต่างอ่อนล้าและหิวโหยเป็นอันมากพระองค์จึงสั่งให้ทุกคนหยุดพัก และหยิบหินขึ้นมาคนละหนึ่งก้อน จูดาสนั้นคิดอยู่ในใจว่า "เหนื่อยก็เหนื่อย หิวก็หิวยังจะมาให้เราหยิบหินขึ้นมาทำอะไรก็ไม่รู้" ในขณะที่ศิษย์คนอื่นๆหยิบหินขึ้นมาจูดาสจึงเลือกหินก้อนที่เล็กที่สุดที่จะหาได้ เมื่อทุกคนได้หินคนละหนึ่งก้อนแล้ว พระเยซูจึงประทานพรว่า"หินในมือเจ้าจงกลายเป็น ก้อนขนมปังเพื่อบรรเทาความหิวโหยด้วยเทอญ" จูดาสแทบเป็นลม เขาผิดหวังอย่างแรงกล้าแต่ก็รีบกินขนมปังเสกของตนเพื่อประทังความหิว แต่ขนมปังก้อนเล็กนิดเดียวจะทำให้คนตัวเบ้อเริ่มหายหิวได้อย่างไร เมื่อพักผ่อนกันได้ตามสมควรแล้วพระเยซูก็นำเหล่าสานุศิษย์ออกเดินทางต่อหลังจากการรอนแรม อีกหลายชั่วโมงเหล่าผู้จาริกก็ได้เดินทางมาถึงผืนแผ่นดินอันอุดมสมบูรณ์แห่งหนึ่ง เช่นเดียวกับครั้งที่แล้ว พระเยซูสั่งให้ทุกคนหยิบก้อนหินขึ้นมาคนละก้อน จูดาสคิดอยู่ในใจว่าจะไม่ยอมพลาดเช่นครั้งที่แล้วอีกในขณะที่ศิษย์อื่นๆหยิบหินกันขึ้นมานั้น จูดาสจึงเลือกหินก้อนที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่ตนเองจะยกไหวพระเยซูก็ได้ประทานพรข้อที่สองว่า "เจ้าจงขว้างหินในมือของเจ้าออกไปแล้วเจ้าจะได้เป็นผู้ครอบครองผืนดินอันอุดมสมบูรณ์นี้ ในกว้างยาวเท่ากับระยะทางที่เจ้าขว้างออกไปได้" จูดาสแทบจะร้องไห้ ก็หินที่ตนเองยกขึ้นมานั้นลำพังแต่จะถือไว้ก็ลำบากมากแล้ว แต่ด้วยความละโมบ จูดาสจึงได้พยายามทุ่มหินในมือของตนอย่างสุดกำลัง อนิจจา! ก้อนหินนั้นตกลงแค่เพียงปลายเท้าของจูดาสเอง หลังจากนั้นพระเยซูก็ได้นำเหล่าศิษย์รอนแรมต่อไป อีกหลายชั่วโมงผ่านไป เหล่าผู้แสวงบุญก็ได้มาถึงเมืองๆหนึ่งคราวนี้พระเยซูสั่งให้หยุดและให้ทุกคนหยิบหินขึ้นมา คนละสองก้อน จูดาสประสาทเสียมากับพรสองข้อก่อนหน้านี้เขาจึงไตร่ตรองอย่างรอบคอบก่อนที่จะตัดสินใจหยิบหิน ก้อนใหญ่ขึ้นมาหนึ่งก้อน และก้อนเล็กอีกหนึ่งก้อนคราวนี้ไม่ว่าพรของพระเยซูจะเป็นอะไร เขาก็ พร้อมจะรับมือแล้ว พรข้อที่สามของพระเยซูคือ "หินสองก้อนในมือจงกลายเป็นลูกอัณฑะของเจ้า!"

@เฮฮา 1เฮเฮ ฮาฮา 1
สองผัวเมียคู่หนึ่งประสบอุบัติเหตุเรือแตกไปติดอยู่ที่เกาะร้างแห่งหนึ่ง พวกเขาได้แต่หวังว่าสักวันจะมีเรือผ่านมา และรับพวกเขากลับไป เขาจึงผลัดกันขึ้นไปเฝ้ายามบนยอดเขาเพื่อไม่ให้เสียโอกาสถ้ามีเรือผ่านมา หลายเดือนผ่านไปไม่มีวี่แววว่าจะมีเรือผ่านมาแต่กลับมีคนว่ายน้ำขึ้นมาที่เกาะคนนึง เขาเป็นชายหนุ่มหล่อล่ำ รอดชีวิตมาจากเรือแตกเช่นเดียวกันฝ่ายภรรยากระดี๊กระด๊า มาเมื่อเห็นหนุ่มหล่อๆอย่างนี้ ในขณะที่ฝ่ายสามีก็ดีใจไม่แพ้กัน "ดีมาก เราจะได้ผลัดกันเฝ้า 3 ผลัดคนละ 8 ชั่วโมงแทนที่เมียผมกับผมต้องเฝ้าคนละ 12 ชั่วโมง อย่างก่อนหน้านี้" เขาให้เหตุผล "ไม่มีปัญหา" หนุ่มหน้าใหม่บอก "เดี๋ยวผมขึ้นไปเฝ้าให้ก่อนเลย" เมื่อชายหนุ่มขึ้นไปบนยอดเขาแล้ว สองสามีภรรยาก็เริ่มก่อไฟทำอาหาร "เฮ้... อย่าทำบัดสีบัดเถลิงกันอย่างนั้นสิ" ไอ้หนุ่มตะโกนลงมาจากยอดเขา "เราไม่ได้ทำอะไรกันนี่หว่า" ชายสามีตะโกนกลับไป อีกไม่กีนาทีถัดมา ชายหนุ่มก็ตะโกนลงมาอีก "เฮ้ๆ ทำอนาจารอะไรกันยังงั้นเกรงใจผมบ้างสิ ผมอยู่บนนี้นะ" "อะไรนะ" ชายสามีงุนงงมาก เขากำลังเอาฟืนใส่เข้าไปในเตาเมียของเขาก็เตรียมอาหารอยู่ "เราไม่ได้ทำอะไรกันโว้ย" สิบห้านาทีต่อมาเขาก่อไฟเสร็จ ในขณะที่เมียเขาเอาอาหารขึ้นเตาเขาก็ลงมือซ่อมหลังคาที่พัก และ... อีกแล้ว ไอ้หนุ่มตะโกนลงมาอีกแล้ว "เฮ้ย ใจคอจะอึ๊บกันตรงนั้นเลยเรอะ ถ้าไม่อายผีสางเทวดาก็เกรงใจผมบ้าง" "จะบ้าหรือโว้ย" ชายสามีชักหงุดหงิด "ดูยังไงวะเราไม่ได้ทำอะไรกันเลยโว้ย" เมื่อครบกะ ชายสามีก็ขึ้นไปผลัดเวรกับหนุ่มผู้มาใหม่ หนุ่มผู้มาใหม่ลงมาถึงพื้นก็พุ่งเข้าหาหญิงคนเดียวบนเกาะนั้นทันทีและเธอก็ไม่ปฏิเสธเสียด้วย ชายสามียืนมองอยู่บนยอดเขา เขาบ่นกับตัวเอง "เออว่ะ อยู่บนนี้มองลงไปเหมือนคนอึ๊บกันจริงๆด้วย!!!" @เฮเฮ ฮาฮา 2 ครูสาวจบหมาดๆแต่งตัวหวือหวากระโปรงสั้นเหนือเข่ามาสอนเป็นประจำ วันนึงเธอเข้าสอนตามปกติ แต่เนื้อหาที่ต้องขึ้นกระดานมันมากเหลือเกิน เธอก็เลยต้องเขย่งเขียนบนที่ว่าด้านบนของกระดานดำ ทันใดนั้นมีเสียงเป่าปากเป๊ยวจากด้านหลังครูสาวหันไปเห็นเด็กผู้ชายคนนึง นั่งหัวเราะแบบกลั้นไม่อยู่ "เธอหัวเราะทำไมนายวิชัย" ครูสาวถามอย่างหงุดหงิด "เอ้อ... ผมเห็นจักกะแร้ของครูครับ" ด.ช.วิชัยตอบ "เธอออกไปได้เลย เธอถูกพักการเรียน 3 วัน" ครูสาวลงโทษอย่างหงุดหงิด ครูสาวหันกลับไปเขียนต่อสักพักเมื่อเธอเขย่งเหยียดอีกก็มีเสียงเป่าปากเปี๊ยวอีก คราวนี้มีหลายเสียงและดังกว่าเดิม "คนไหนเป่าปากหา..." ครูสาวตาขวาง "ว่าไงนายสมชาย เธอเป่าปากทำไม" นายสมชายที่เก็บอาการไม่อยู่กลายเป็นเป้า "เอ้อ... ผมเห็นกางเกงในครูโผล่ออกมาครับ" สมชายตอบเสียงอ่อย "พวกเธอนี่เหลือขอจริงๆ" ครูสาวยัวะจัด "เธอออกไปได้เลยเธอถูกพักการเรียนเดือนนึง" ครูสาวหันกลับไปเขียนกระดานต่ออย่างโมโหจัด แต่ก็เจ้ากรรมอีกนั่นแหละ การแต่งตัวแบบมีปัญหาของเธอมันคือต้นเหตุที่แท้จริงของสถานการณ์นี้ และมันก็ยังไม่ได้ถูกแก้อยู่ดีดังนั้นเมื่อเธอเหยียดสุดตัวอีกครั้งคราวนี้ เสียงเป่าปากกันเปี๊ยวป๊าวลั่นห9อง แต่เมื่อเธอหันไปเธอก็พบแต่ความเงียบ จนกระทั่งเด็กผู้ชายคนนึงกลั้นหัวเราะไม่ไหว "นายโสภณ บอกมาซิว่าหัวเราะทำไม" ด.ช.โสภณไม่พูดไม่จา ก้มหน้าเก็บของแล้วเดินออกจากห้องทันที "จะไปไหนหา... ตอบชั้นมาก่อนว่าเธอเห็นอะไร" ครูสาวไล่บด "ผมไม่อยากจะพูดหรอกครับ" โสภณตอบ"แต่เชื่อเถอะไอ้ที่ผมเห็นน่ะมันพอจะทำให้ ผมถูกไล่ออกจากโรงเรียนแน่ๆ!"


@เฮเฮ ฮาฮา 3

สมชายเพิ่งเข้าทำงานในบริษัทใหม่เพื่อนฝูงในที่ทำงานเป็นพวกบ้ากอล์ฟกันเยอะ "ไปออกรอบกันนะ เสาร์นี้ สิบโมงเช้าเจอกัน" เพื่อนใหม่ชวน "สิบโมงหรือครับ ได้ครับ แต่ผมอาจจะไปสายซักสิบนาทีนะ" สมชายว่า เช้าวันเสาร์ สิบโมงเป๊ะ สมชายก็มาถึงสนามกอล์ฟเขาโชว์ฝีมือสุดยอดจนเพื่อนๆ กระเป๋าฉีกกันทั่วหน้า สัปดาห์ต่อมา เพื่อนชวนสมชายไปขอแก้มือ "ได้ครับ สิบโมงเจอกัน แต่ผมอาจจะไปสายซักสิบนาทีนะ" สมชายบอกเหมือนเดิม สิบโมงตรง สมชายก็มาถึง คราวนี้มาแปลก เขามามาดสิงห์อีซ้ายแต่ก็สุดยอดไม่แพ้กัน เพื่อนๆกระเป๋ากลวงกันหมด สัปดาห์ต่อมาหลังจากเพื่อนๆแอบไปซุมซ้อมเตรียมล้างแค้นกันเป็นอย่างดีก็มาชวนสมชายอีก "ไม่มีปัญหาครับ สิบโมงนะครับ แต่ผมอาจจะเลทซักสิยนาทีนะ"สมชายพร้อมเสมอ เช้าวันเสาร์สมชายโผล่มาที่สนามกอล์ฟสายไปสิบนาทีแต่ยังโชว์ฟอร์มเยี่ยมตามเคย "ผมล่ะข้องใจกับคุณจริงๆ" เพื่อนถาม "บางวันคุณก็ตีมือซ้ายบางวันก็มือขวา แสดงว่าคุณถนัดทั้งสองข้างแล้วคุณเลือกยังไงว่าจะตีมือซ้ายหรือมือขวาวันไหน" "ไม่ยากเลยครับ" สมชายยิ้ม "ตื่นเช้าขึ้นมา ถ้าเมียผมนอนตะแคงซ้ายวันนั้นผมก็จะตีมือซ้าย ถ้าเมียผมตะแคงขวาผมก็จะตีมือขวา" เพื่อนๆครางฮืออย่างทึ่งจัดกับเทคนิคของสมชาย "แล้วถ้าเมียคุณนอนหงายล่ะโว้ย" เพื่อนคนนึงถามโพล่งขึ้นมา "อ่า..." สมชายยิ้มหวาน "ผมก็มาสายสิบนาทีน่ะสิคร้าบ!!!"


@ความจริง 25 ประการ ที่รู้แล้วจะ "อึ้ง"
++1. กล้ามเนื้อที่แข็งแรงที่สุดในร่างกายคนเราคือ ลิ้น ก็ เอาไว้ฟาดฟันตอประกบปากกันไง
++++2.ผู้หญิงกระพริบตาบ่อยกว่าผู้ชายถึงสองเท่า และ มากกว่าถึงสามสิบครั้ง เมื่พวกเธออยู่สระว่ายน้ำ
++++3.ชื่อโหลที่สุดหาใช่ “จอห์น” หรือ “ฃาร่าห์” ไม่ แต่เป็น ”โมฮัมเหม็ด” ต่างหาก
++++4.คนเราไม่สามารถที่จะเลียข้อศอกของตัวเองได้
++++5.แมลงสาบหัวขาด สามารถมีชีวิตอยู่ต่อไปได่ถึง 9 วัน ก่อนที่มันจะอดอาหาร จนตาย
++++6.เวลาปลาหมึกยักษ์ หิวจัดเอามาก ๆ มันจะกินหนวดของมันเอง และ รู้มั้ยว่า มันยังเป็นสัตว์ที่มีลูกตา ใหญ่ที่สุดในโลก
++++7.แมงมุมแม่หม้ายดำฃึ่งกลืนกินคู่ขาหลังจากการสมสู่ ยังสามารถหม่ำแมงมุม ตัวผู้ได้ถึงวันละ 25 ตัวอีกด้วยร้ายกาจมากกกกก!
++ ++8.เตียงนอนในบ้านโดยทั่วไปแล้ว จะมีตัวเล็นและตัวไรฃ่อนอยู่ถึง 6 พันล้านตัว
++++9.ผึ้งจะทำกายบริหารก่อนจะบิน
++ ++10.การ์ตูนโดนัลด์ดั้กเคยถูกประกาศห้ามเผยแพร่ในฟินแลนด์ เพียงเพราะว่ามัน ไม่สวมกางเกง 555
++++11.โดยเฉลี่ย มนุษย์จะกินแมงมุมเข้าไป 8 ตัวตลอดชั่วชีวิตหนึ่ง ก็เวลา ที่มันคลานเข้าไป ในปากตอนเราหลับปุ๋ยไง อึ๊ยยย! และรู้มั๊ยว่า คนส่วนใหญ่ นะกลัวแมงมุม มากกว่ากลัวตายฃักอีก
++++12.ถ้าคุณลากเส้นชอล์กผ่านฃวางทางเดินของมด มันจะไม่ยอมเดินผ่านข้ามไป
++++13.ในแต่ละวันผู้หญิงจะฉอเลาะมากถึง 7.000 คำต่อวัน ขณะที่ผู้ขายปริปากแค่ 2.000 คำต่อวันเอง
++++14.คุณรู้หรือเปล่าว่า ไม่ว่าแผ่นกระดาษจะมีขนาดใหญ่แค่ไหน คุณไม่สามารถ พับครึ่งได้ถึง 6 ทบ ไม่เชื่อลองดูฃิ
++++15.ครั้งหนึ่งชาวเบลเยี่ยมเคยพยายามใช้แมวเหมียวเป็นตัวส่งจดหมาย ไม่จำเป็น ต้องบอกเลย ว่า ไม่มีทางสำเร็จผล
++ ++16.คุณรู้ไหมว่าโดยทั่วไปแล้วผู้หญิงจะกลืนกินลิพสติกลงท้องไปถึง 4 ปอนด์ ในตลอดชีวิตของเจ้าหล่อน
++++17.ตลอดทั้งชีวิตแล้ว คนทั่วไปจะใช้เวลาจูจุ๊บกันรวมแล้วเกือบสองอาทิตย์ เชียวนะ
++++18.เป็นไปไม่ได้เลยที่คุณจะ จามทั้งๆ ดวงตายังเปิด
++ ++19.เห็นชัดได้ว่า ลูกตาของคนเราคงขนาดเดิมมาตั้งแต่เกิด แต่จมูกกับหูนั้น ไม่เคยหยุด การเจริญเติบโตเลย!
++ ++20.วอลท์ดิสนี่ย์ผู้สร้างสรรค์ตำนานการ์ตูนมิคกี่ย์เม้าส์นะ อันที่จริงแล้วเค้า เป็นคนกลัวหนูจะตายไป
++ ++21.เอาหัวโขกกับกำแพงซักหนึ่งชั่วโมง ช่วยเผาผลาญหลังงานได้ถึง150 แคลอรี่
++ ++22. อัลมอลล์เป็นพืชตระกูลหนึ่งของพีช
++ ++23. โฆษณานาฬิกาทุกชิ้น .มักให้เข็มนาฬิกาหยุดอยู่ที่ 10:10 เพราะจะได้ดู เป็นรูปใบ หน้ายิ้ม
++ ++24.ลายเสือเกิดขึ้นจากหนังของมัน ไม่ใช่จากขน
++++25. ร้อยละ 80 ของคนที่อ่านบทความนี้พยายามจะเลียข้อศอกตัวเอง!!++

@มุขสั้นๆ
คำขอร้องที่ได้ผล

===========โรงเรียนมัธยมศึกษาแห่งหนึ่งพบปัญหาว่านักเรียนสาวในวัยทีนเอจมักจะชอบทาลิปสติกกันที่เป็น ปัญหาเพราะว่าพวกนักเรียนชอบเข้าไปทาลิปสติกกันในห้องน้ำและประทับรอยจูบไว้บนกระจก ซึ่งแม่บ้าน ต้องคอยเช็ดออกด้วยความลำบากอาจารย์ใหญ่จึงเรียกบรรดานักเรียนปากแดงทั้งหลายเข้าไปในห้องน้ำเธออธิบายให้ฟังถึงความ ไม่น่าดูของรอยจูบ และความยากลำบากในการลบรอยนั้นออกเพื่อให้เห็นจริง อาจารย์ใหญ่ได้เรียกพนักงานทำความสะอาดมาเช็ดรอยลิปสติกออกจากกระจกให้ดูพนักงานทำความสะอาดมาถึงก็คว้าผ้าขี้ริ้วจุ่มลงในถังชักโครกและเอามาเช็ดกระจกซึ่งเช็ดยากจริงตามที่อาจารย์ใหญ่บอกตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาก็ไม่มีรอยลิปติกบนกระจกในห้องน้ำอีกเลย*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-

นมสาว=====แม่สาวคนหนึ่งเป็นที่ขึ้นชื่อลือชาเรื่องทรวดทรงของเธอนั้นงามสล้างเหลือหลายพ่อหนุ่มคนหนึ่งเกิดมารู้จักแม่สาวนางนี้ หนุ่มนั้นก็มุ่งมั่นที่จะดูนมสาวนางนี้ให้ได้แต่ละวันผ่านไปเจ้าหนุ่มก็ได้แต่คิด..คิด..คิดหาทางที่จะดูนมสาวให้ได้ แล้วพี่แกก็คิดออก"นี่เธอ ถ้าเธอกล้าถอดเสื้อถอดยกทรงของเธอให้ฉันได้ดูดนมของเธอทีละข้างเท่านั้น ฉันจะให้เงินเธอทันทีเลยหนึ่งหมื่นบาท"สาวเจ้าได้ฟังข้อเสนอก็หูผึ่ง บังเอิญตอนนั้นถังแตกอยู่ด้วยกะอีแค่ดูดนมข้างละทีไม่เห็นจะเสียหายตรงไหน เงินตั้งหมื่น..เธอก็ตอบตกลง แล้วก็ถอดเสื้อนอกออก ถอดยกทรงออกเหลือแต่นมนมของแม่สาวน้อยช่างเต่งตึงจริงๆ เจ้าหนุ่มจ้องตาไม่กระพริบ แทบไม่หายใจจ้อง..จ้อง..จ้องจนชุ่มฉ่ำไปหมดสาวน้อยเห็นเจ้าหนุ่มตะลึงมองนมตัวอยู่นานก็เลยเตือน"เอ้า..เอาแต่จ้องอยู่ได้ มาดูดนมฉันเสียทีสิ ไม่กล้าหรือไง""กล้าน่ะกล้าอยู่หรอก.." หนุ่มครางทั้งๆ ที่ตายังจ้องดูนมสาวอยู่"..แต่มันไม่มีเงิน.."*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-

อาการน่าวิตก=========หลังจากโทรเรียกหมอมาดูอาการภรรยาในห้องนอนสักครู่หมอก็ออกมาขอไขควงไปอันหนึ่ง ประเดี๋ยวเดียวก็ออกมาขอคีมและสองสามนาทีต่อมาก็ออกมาขอค้อนกับสิ่ว คราวนี้เจ้าของบ้านทนไม่ได้จนต้องถามขึ้น"ภรรยาผมเป็นอะไรนักหนาหรือหมอ?""เอ.. ยังไม่ทราบเหมือนกันครับ ผมยังเปิดกระเป๋ายาผมไม่ได้เลย"*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-

นิ้วกลาง=====เด็กชายคนหนึ่งนั่งเล่นอยู่กับพ่อ เด็กน้อยมองไปที่มือของพ่อแล้วถามว่า"พ่อครับ พ่อใช้มือทำอะไรบ้าง?""นิ้วชี้นะ พ่อใช้มันชี้ไปที่ที่พ่อต้องการ นิ้วโป้งนี่ พ่อใช้เวลาเปิดหนังสือส่วนนิ้วนางพ่อใช้มันตอนแต่งงาน นิ้วก้อยพ่อใช้แคะจมูกส่วนนิ้วกลางพ่อจะบอกหลังจากลูกแต่งงานแล้ว"วันเวลาผ่านไป ลูกชายโตขึ้นและแต่งงาน ก่อนเข้าห้องหอลูกชายไม่ลืมถามพ่อ"พ่อครับ หลายปีมานี้ผมใช้นิ้วชี้ชี้ไปที่ที่ผมต้องการ ใช้นิ้วโป้งเปิดหนังสือใช้นิ้วก้อยแคะจมูก ตอนนี้ผมใช้นิ้วนางใส่แหวนแต่งงาน ....แต่พ่อครับแล้วนิ้วกลางล่ะครับจะใช้ทำอะไร?"พ่อเขยิบเข้าไปใกล้ลูกแล้วพูดช้าๆ"คืนนี้ลูกคงจะต้องมีความสุขกับแฟนหลายๆ ครั้งและลูกก็จะเหนื่อย เมื่อแฟนของลูกยังต้องการอีก..." พ่อหยุดสักพัก"...ก็ใช้นิ้วนี้แหละ กดไปที่หัวเธอ แล้วพูด 'ไปนอนได้แล้วนังโง่'"*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*

-เด็กฉลาด======วันหนึ่งป้ากับหลานสาวจอมซนวัย 6 ขวบก็นั่งคุยกันถึงเรื่องการไปโรงเรียนของหลานสาวป้า : นี่เจ้าตัวยุ่งเปิดเทอมหน้านี้น่ะถ้าป้าจะให้ไป-กลับโรงเรียนเองคนเดียวไปได้ไหม?หลาน : ได้สิป้า หนูไปได้อยู่แล้วป้า : ถ้าขึ้นรถเมล์แล้วจะลงป้ายหน้าบ้านถูกหรือจ๊ะหลาน : ถูกจ้ะ หนูจำทางได้แล้วป้า : ถ้ากดกริ่งไม่ถึงจะทำยังไงล่ะหลาน : หนูก็บอกกระเป๋ารถให้กดให้น่ะสิป้าป้า : อืมม์ ใช้ได้นะเนี่ยเราน่ะแล้วถ้ากระเป๋าอยู่ไกลแล้วไม่ได้ยินเราพูดล่ะหลาน : หนูก็ตะโกนบอกคนขับน่ะสิไม่เห็นยากเลยป้า : เก่งมากหลานป้า....รู้จักแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้แล้วหนูจะบอกคนขับรถว่ายังไงล่ะลูก?หลาน : หนูก็ตะโกนบอกคนขับสิว่า "กดกริ่งด้วยยยยยยย"ป้า : ????????*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*

-รู้สิ===ทนายจอมขู่ซักพยานอย่างไม่ไว้หน้าเขาถามพยานว่าอยู่ห่างจากบริเวณที่เกิดเหตุเท่าไหร่"ห้าเมตรกับแปดสิบเซนติเมตร" พยา=B

@กฎบู้ตึ้ง 22


ข้อ1 ถ้าคุณเป็นพระเอกแม้ไม่เคยมีงานทำแต่มีเงินใช้ตลอดเรื่อง

2 ไม่ว่าหน้าผาจะสูงซักแค่ไหนถ้าคุณเป็นพระเอกตกยังไงก็ไม่ตาย

3 หลังตกจากหน้าผาคุณไม่เจอคนใจบุญ(พวกผู้หญิงช่วยเอาไว้)คุณก็ต้องเจอสุดยอดคำภีร์

4 ใครก็ตามที่อ้างตัวเองว่าเป็นฝ่ายธรรมะคนนั้นมักจะเป็นคนเลว

5 คนบ้าๆโทรมๆมักจะมีวรยุทธ์สูงพอๆกับความบ้าของมัน

6 วลาคุณได้เปรียบศัตรูมักจะใจดีปล่อยศัตรูไปทั้งๆที่ปกติก็หาโอกาสยากอยู่แล้ว

7 เวลานางเอกปลอมตัวเป็นผู้ชายคนในเรื่องจะดูไม่ออกแม้คนทั้งโลกจะดูออกก็ตามโดยเฉพาะพระเอกจะโง่กว่าใครเพื่อน

8 เวลาพระเอกหนาวหรือไอเย็นเข้าแทรกนางเอกมักจะเป็นคนห่มผ้าให้ หรือไม่ก็เอาตัวห่ม

9 เวลาโดนฝ่ามือซัดต้องรักษาด้วยลมปราณ-ถ้าเป็นผู้ชายกับผู้หญิงจะต้องถอดเสื้อผ้าเดินลมปราณ-ถ้าเป็นผู้ชายกับผู้ชายไม่ต้องถอดเสื้อหรอกโว้ย(ทำไมวะ)

10 ตัวละครที่อารมณ์ดีที่สุดคือตัวโกงเพราะหัวเราะร่วนทั้งเรื่อง โดยเฉพาะก่อนลงมือฆ่าแต่ก็เพราะมันมัวแต่หัวเราะพระเอกมักฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว

11 ไม่ว่าจะได้รับบาดเจ็บรูปแบบไหน โดนฟันแขนหรือขาเลือดก็จะต้องออกทางปาก

12 ตัวประกอบตายเร็วเสมอตัวสำคัญจะใช้เวลาสั่งเสียยาวนานจนคุณเปลี่ยนวีดีโอม้วนใหม่

13 ก่อนจะเงื้อดาบต้องข่มขวัญก่อนเสมอเช่น"ดาบข้าตีด้วยเหล็กเย็นใช้เวลา 7 ปี อาบเลือดมาแล้วกว่าร้อยศพ"ฯลฯ

14 ถ้าฝ่ายอธรรมมากกว่าฝ่ายธรรมะเรียกว่าหมาหมู่ถ้าฝ่ายธรรมะมากกว่าเรียกสามัคคีรวมใจปราบมาร

15 นางเอกมักเป็นลูกตัวโกงหรือไม่ก็อยู่พรรคมารต้องโดนเรียกจิกหัวว่านางมาร

16 นางมารตัวจริงต้องชุดแดงสวย เซ็กซี่

17 การกินมูมมามเสียงดังแสดงว่าอาหารอร่อย กรอกเหล้าเข้าปากต้องให้หกๆแสดงว่าดื่มเก่ง

18 เวลาแอบดูคุณต้องเอานิ้วจิ้มน้ำลายเพื่อเจาะประตูให้เป็นรูก่อนนะขอแนะนำชุดดำโพกหน้าโพกหัวด้วยแต่ถ้าคุณเป็นผู้หญิงจะโดนจับได้ก่อนเสมอ

19 ถ้าจะส่งสารท้าประลองต้องเอาเลือดเขียน(เสือกเขียนสวยด้วยนะ)หมึกมีอย่าเสือใช้เชียว

20 พิราบสื่อสารโดนฝ่ายตรงข้ามจับได้ก่อนประจำ

21 หมอเทวดามักเปิดคลินิกอยู่ในป่ า ขุนเขาลึกลับถ้าไม่เก่งจริงอย่าไปตายอยู่ตินเขาเพราะอันตรายมากหมอพวกนี้ไม่นิยมคิดตังด้วย

สิ22 ถ้าบาดเจ็บเป็นโรคตอนหน้าร้อนต้องระวังให้มากเพราะสมุนไพรเจ๋งๆส่วนใหญ่ต้องอยู่บนหุบเขาที่มีหิมะ หายากๆ.


@...55555 ฮาดีชอบๆ ขอเชิญร่วมแสดงความคิดเห็นสำหรับเมลล์นี้ได้ที่นี่http://www.deedeejang.com/joke/story/00197.html
บรรดานักเล่นเน็ตหน้าใหม่ทั้งหลายคงอิจฉาเพื่อนๆ หลายคนที่มี Mail ดีดี น่ารักๆ ตลกโปกฮา ขำขัน เซ็กซี่ บทความประทับใจ หรือความรู้ต่างๆ ส่งมาอยู่ทุกวัน จะทำอย่างไรเราถึงจะมีแบบเขาบ้าง บริการส่ง Forward Mail ถึงบ้านท่านจาก Deedeejang.com คุณจะได้รับอีเมลล์มากมายหลายหลายรูปแบบ สิทธิ์นี้เฉพาะกับสมาชิกเวบดีดีจังเท่านั้นสมัครด่วนตั้งแต่วันนี้!!!!!!!! วิธีการสมัครสมาชิก Deedeejang.com เพื่อรับ Forward Mailวิธีที่ 1 ==>ดูรายละเอียดวิธีการสมัครที่
http://www.deedeejang.com/member/ วิธีที่ 2วิธีการสมัครสมาชิก Deedeejang.com1 ส่งอีเมลล์แสดงความต้องการมาที่ http://us.f518.mail.yahoo.com/ym/Compose?To=Deedeejang-subscribe@yahoogroups.com&YY=72253&order=down&sort=date&pos=1&view=a&head=b โดยอีเมลล์ที่ทำการส่งมาหาเรา จะต้องเป็นอีเมลล์เดียวกับที่ต้องการรับ Forward Mail2 เมื่อส่งมาแล้วคุณจะได้รับอีเมลล์ตอบกลับในหัวข้อ Please confirm your request to join Deedeejang ตามอีเมลล์ที่ส่งมา ให้คุณคลิ๊กที่ลิ้งค์ในอีเมลล์เพื่อยืนยันความต้องการ และทำตามขั้นตอนในหน้าต่างนั้นอีกครั้งหนึ่ง (สำคัญมากอย่าลืม) 3เลือก Join the group ถ้าคุณมี yahoo ID แล้ว(มีอีเมลล์ของ Yahoo) เลือก Join the mailling list ถ้าคุณใช้อีเมลล์อื่นๆ ที่ไม่ใช่ของ yahoo หรือไม่ต้องการลงทะเบียนกับ yahoo 4 คลิ๊ก Continue จะขึ้นหน้าต่างด้านล่างเป็นอันว่าเรียบร้อยครับ


@น่าสนใจและดีมา ก
> เนื้อเรื่องน่าสนใจและดีมากสำหรับสุภาพสตรี จึงส่งต่อมาให้อ่านโดยทั่วกัน
> หวังว่าคงเป็นประโยชน์สำหรับทุกท่าน
> 1. เคล็ดลับจากวิชาเทควันโด้ ...ข้อศอกเป็นจุดที่แข็งแกร่งที่สุดของร่างกาย
> หากถูกทำร้าย หรือกำลังจะถูกทำร้าย และคุณอยู่ในระยะที่ใกล้พอ จงใช้ข้อศอกให้เป็นประโยชน์
> (ถองกบาลหรือกกหูมันแรงๆ )


> 2. ข้อแนะนำจากหนังสือแนะนำนักท่องเที่ยวเมืองนิวออร์ลีนส์ หากถูกโจรจี้และขอกระเป๋าถือหรือ
> กระเป๋าสตางค์ อย่ายื่นกระเป๋าให้โจร แต่ให้เขวี้ยงกระเป๋าไปไกลๆ
> เพราะเป็นไปได้ว่าเจ้าโจรนั่นอาจสนใจเงินหรือข้าวของในกระเป๋ามากกว่าตัวคุณมั
> นจะวิ่งไปคว้ากระเป๋าที่คุณโยนออกไป
> ทีนี้ก็จงวิ่งอย่างไม่คิดชีวิตไปในทิศทางตรงกันข้าม


> 3. ถ้าถูกจับขังในฝากระโปรงท้ายรถพยายามทุบให้ไฟท้ายรถหลุดออก
> จากนั้นยื่นแขนออกมาจากรูโหว่แล้วโบกสุดฤทธิ์ คนขับมองไม่เห็นคุณ
> แต่รับรองชาวบ้านเห็นแน่ๆ วิธีนี้ช่วยชีวิตคน
> มานักต่อนักแล้ว


> 4. อย่านั่งแช่ในรถ สาวๆ ทั้งหลาย เมื่อเสร็จภารกิจช้อปปิ้ง กินข้าว เลิกงาน
> ฯลฯ
> สาว ๆ เมื่อก้าวขึ้นรถแล้ว ก็มักจะ นั่งแช่ ทำอะไรต่อมิอะไรกระจุกกระจิก
> เป็นต้นว่า ดูสมุดบัญชี จดลิสต์รายการ
> ข้าวของ หรือเรื่องที่จะต้องทำ หรืออื่นๆ ขอเตือนว่าอย่าทำเช่นนี้เป็นอันขาด
> ผู้ร้ายอาจ กำลังจับ ตาเฝ้าดูคุณอยู่
> การที่นั่งจ่อมอยู่อย่างนี้แหละจะเป็นโอกาสอันงามที่มันจะก้าวขึ้นมานั่งในรถข
> สั่งให้พาไปไหนต่อไหน
> เพราะฉะนั้นก้าวขึ้นนั่งในรถเมื่อไรให้รีบล็อคประตูแล้วออกรถทันที



> 5. ต่อไปนี้เป็นข้อแนะนำเล็กๆ น้อยๆ
> เมื่อคุณต้องเดินไปยังรถที่จอดในลานจอดรถ โรงจอดรถ หรืออาคารที่จอดรถ
> ก. ประสาทตื่นตัว หมั่นสำรวจรอบตัวมองข้างในรถทั้งที่นั่งข้างคนขับ
> พื้นรถรวมถึง เบาะหลังด้วย
> ข. ถ้ารถคุณจอดอยู่ข้างรถตู้คันใหญ่ แนะนำให้ขึ้นรถด้านประตูผู้โดยสาร
> ผู้ร้ายส่วนใหญ่มักฉวยโอกาสจังหวะที่เหยื่อกำลังเปิดประตูรถลากตัวเหยื่อขึ้นร
> ถตู้
> ค. ดูรถที่จอดอยู่ข้างรถคุณทั้งฝั่งซ้ายและขวาหากมีผู้ชายนั่งอยู่คนเดียวตรงเบาะ
> ด้านที่ใกล้รถคุณ
> ควรหลีกเลี่ยงด้วยการเดินกลับเข้าไปในห้างหรือที่ทำงาน
> แล้วขอให้เจ้าหน้าที่ห้าง หรือ รปภ.
> หรือเพื่อนชายเดินกลับมาส่งที่รถ ปลอดภัยไว้ก่อน ดีกว่าต้องเสียใจทีหลัง
> (โดนหาว่าประสาทดีกว่าต้องซี้ม่องเซ็ก)


> 6. ควรใช้ลิฟต์แทนการขึ้นลงทางบันได
> บันไดเป็นจุดที่น่ากลัวที่สุดถ้าอยู่คนเดียว
> รวมทั้งเป็นจุดที่เกิดอาชญากรรมได้ดีที่สุด



> 7. หากผู้ร้ายมีปืน และคุณยังไม่ได้ถูกจี้ .. วิ่งหนี!
> โอกาสที่มันจะยิงโดนคุณมีเพียง 4 ใน 100 ครั้งเท่านั้น
> (เป้าเคลื่อนที่) และถึงจะยิงโดน ก็เป็นไปได้มากว่าจะไม่ถูกอวัยวะสำคัญ
> เพราะงั้นวิ่งลูกเดียว!



> 8. ผู้หญิงมักใจอ่อน ขี้สงสารและเห็นอกเห็นใจไม่ต้องเลย
> เพราะอาจนำไปสู่การทำร้ายร่างกาย ข่มขืน หรือฆาตกรรมได้
> กรณีนี้มีตัวอย่างมาแล้ว ฆาตกรต่อเนื่องรายหนึ่งในอเมริกาชื่อ เท็ด เบินดี้ม
> เป็นชายหนุ่มหน้าตาดี มีการศึกษา
> มักใช้กลวิธีเรียกร้องความสงสารจากเหยื่อเพศหญิงซึ่งไม่ได้เกิดความสงสัยสักนิ
> ด เขาหลอกลวงเหยื่อให้ตายใจด้วยการเดิน โดยอาศัยไม้เท้า
> หรือแสร้งทำขากะเผลก
> จากนั้นจะขอ “ความช่วยเหลือ” จากเหยื่อให้ช่วยพยุงขึ้นรถ
> จากนั้นก็ใช้จังหวะนั้นลักพาตัวไป



> 9. จากหนังสือภัยจาก 108 มงกุฏ เมื่อคุณกลับบ้านในเวลากลางคืน
> หากถูกคนร้ายจี้ ชิงทรัพย์ ฯลฯ เวลาร้องขอความช่วยเหลือให้ร้องว่า “ไฟไหม้”
> แทนคำว่า “ช่วยด้วย”
> เพราะคำว่าไฟใหม้จะทำให้ชาวบ้านในระแวกนั้นตกใจตื่นและออกมาดูสถานการณ์ได้เร็
> วกว่า
> หากท่านเห็นว่าข้อความที่อ่านมาอาจเป็นประโยชน์ต่อคนที่ท่านรู้จักท่านสามารถส
ให้เธอเหล่านั้นระลึก อยู่เสมอว่า
> “โลกใบนี้มีคนวิกลจริตอาศัยอยู่มาก ... ปลอดภัยไว้ก่อนดีกว่าเสียใจภายหลัง”



@เรื่องฮาๆ
เรื่องที่ 1หญิงสาวคนหนึ่งเดินเข้าไปหาชายแก่ที่นั่งอยู่ที่ระเบียงหน้าบ้านหญิงสาว-ขอโทษนะคะคุณลุงคือดิฉันเผอิญสังเกตเห็นว่าคุณลุงดูมีความสุขจังไม่ทราบว่ามีเคล็ดลับสำหรับชีวิตที่ยืนยาวและแสนสุขมั๊ยคะชายแก่-ผมสูบุหรี่วันละ 3 ซองดื่มเบียร์วันละลัง กินอาหารมันๆและไม่เค้ยไม่เคยออกกำลังกายเลยหญิงสาว-ว๊าว!!! ไม่น่าเชื่อเลยค่ะ คุณลุงอายุเท่าไหร่คะเนี่ย?ชายแก่-26-------------------------------------------------------------


เรื่องที่2มีลายแทงแผ่นหนึ่งได้ไปตกบ้านของสมหมายสมหมายจึงพาเพื่อนๆไปตามลายแทงพอไปถึงก็เห็นเต่ายักษ์ตัวหนึ่งที่กระดองเขียนว่า"จงพลิกกูขึ้นแล้วจะเจอสมบัติทุกคนก็ช่วยกันพลิกแต่กว่าจะพลิกได้ก็กินเวลาไป 2 ชม.เมื่อพลิกแล้วก็เจอ......อักษรเขียนว่า"จงคว่ำกูลงไว้หลอกคนต่อไป"-------------------------------------------------------------

เรื่องที่ 3ลึกสุดลึกในป่าแห่งหนึ่งเจ้าเต่าน้อยกำลังปีนต้นไม้หลายชั่วโมงผ่านไปมันก็ปีนถึงยอดแล้วมันก็กระโดดขึ้นไปในอากาศตีขาหน้าไปมาแล้วก็ตกแอ็กลงบนพื้น...หลังจากหายมึน มันก็ปีนต้นไม้ขึ้นไปอย่างเชื่องช้าอีกกระโดดแล้วก็ตกแอ็กลงมาอีกตามเคยแต่เต่าน้อยก็ไม่ละความพยายามปีนแล้วปีนอีกก็ตกแล้วตกอีก...นก 2-3 ตัวเกาะอยู่บนกิ่งไม้ไกล้ๆ มองเต่าน้อยด้วยความสงสารและแล้วนกตัวเมียก็พูดกับนกตัวผู้ว่า: "ที่รักจ๊ะชั้นว่ามันถึงเวลาแล้วที่เราจะต้องบอกลูกเต่าว่า.........ลูกเป็นบุตรบุญธรรมของเรา"------------------------------------------------------------

เรื่องที่ 4นงานแต่งงานของบ่าวสาวคู่หนึ่งใหญ่ท่านหนึ่งซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาของฝ่ายเจ้าสาวด้ถูกเชิญให้ขึ้นไปอวยพรบ่าวสาวท่านอวยพรว่า...ท่านผู้มีเกียรติทุกท่าน ผมรู้จักเจ้าสาวเป็นอย่างดีพราะเธอเป็นเลขาของผมเอง ทำงานร่วมกันมาก็หลายปีากการที่ได้ทำงานใกล้ชิดกันให้ผมได้เห็นนิสัยใจคอของเธอมได้เห็นอะไรต่อมิอะไรดีๆในตัวเธอละผมกล้ายืนยันกับทุกๆคนในที่นี้ว่า จิ๋มเธอน่ารักมาก"บคำอวยพร เล่นเอาแขกเฮกันลั่นกันทั้งงานรัชญานี้สอนให้รู้ว่า หากคุณมีลูกสาว อย่าพยายามงชื่อว่าจิ๋ม------------------------------------------------------------

เรื่องที่ 5นที่สุดผมก็ทำลงไปแล้ว! โอย! ผมทำลงไปได้ไงเนี่ยมไม่อยากจะเชื่อเลยว่าผมจะทำเรื่องอย่างนี้ลงไปได้สมชายคร่ำครวญอยู่ในใจย่างรู้สึกผิดต่อการกระทำที่ตัวเองพึ่งทำลงไปต่ เอ๊ะ! เสียงหนึ่งก้องมาจากในหัวเขา "อย่ากังวลมากไปเลย สมชายายน่ะไม่ใช่คนแรกหรอกที่แอบมีอะไรกับคนไข้ของตัวเอง"สียงนี้ทำให้วูบหนึ่งเขาเกิดความเชื่อมั่นขึ้นมาอีกครั้งต่แล้วก็เหมือนสายฟ้าฟาดใส่กลางกบาลกเสียงจากส่วนลึกของหัวใจตวาดใส่เขาไอ้สมชาย...เอ็งเป็นสัตวแพทย์นะโว้ย… "



@เรื่องผู้ชายควรเรียกร้องสิทธิ...(FW)ผู้หญิงให้ผู้ชายเลี้ยงเรียก "แม่บ้าน" ผู้ชายให้ผู้หญิงเลี้ยงเรียก "แมงดา" ผู้หญิงนุ่งกางเกงเรียก "ทะมัดทะแมง" ผู้ชายนุ่งกระโปรงเรียก "อีตุ๊ด" ผู้หญิงทำงานของผู้ชายเรียก "หญิงเหล็ก" ผู้ชายทำงานผู้หญิงเรียก "กินแรง" ผู้หญิงถ่ายนู้ดเรียก "ศิลปะ" ผู้ชายถ่ายนู้ดเรียก "หากินกับเกย์" ผู้หญิงนั่งผู้ชายยืนบนรถเมล์เรียก "โปรดเอื้อเฟื้อแก่ เด็ก สตรี คนชรา" ผู้ชายนั่งผู้หญิงยืนบนรถเมล์เรียก "เห็นแก่ตัว" ผู้หญิงแต่งหน้าเรียก "ไก่งามเพราะขน" ผู้ชายแต่งหน้าเรียก "คนวิปริต" ผู้หญิงผอมเรียก "หุ่นดี" ผู้ชายผอมเรียก "ขี้ก้าง" ผู้หญิงไม่แต่งงานเรียก "หญิงยุคใหม่พึ่งตัวเอง" ผู้ชายไม่แต่งงานเรียก "เป็นเกย์แน่ๆ" ผู้หญิงสมัยม.ปลาย "เดินสยาม" ผู้ชายสมัยม.ปลาย "ตัดผมเกรียน เรียน รด." ผู้หญิงต่อยผู้ชายเรียก "นางเอกนักบู๊" ผู้ชายต่อยผู้หญิงเรียก "หน้าตัวเมีย" ผู้หญิงมีเพื่อนเป็นกะเทย เรียก "เพื่อนสาว" ผู้ชายมีเพื่อนเป็นกะเทยเรียก "เอ...หรือมันจะเป็นไปกับเค้าด้วย" ผู้หญิงถูกข่มขืนเรียก "เหยื่อ" ผู้ชายถูกข่มขืน เรียก "เป็นโชค" ผู้หญิงทักผู้หญิงแปลกหน้าก่อน เรียก "ทักทาย" ผู้ชายทักผู้หญิงแปลกหน้าก่อน เรียก "หน้าหม้อ" ผู้หญิงทักผู้ชายแปลกหน้าก่อนเรียก "มนุษยสัมพันธ์ดี" ผู้ชายทักผู้ชายแปลกหน้าก่อน เรียก "เฮ้ย!!! ***จะเอาตูดตู" ผู้หญิงให้ผู้ชายเลี้ยงข้าว เรียก "มารยาท" ผู้ชายให้ผู้หญิงเลี้ยงข้าว เรียก "....ไม่รู้จะเรียกอะไร เพราะหน้าด้านมาก" ผู้หญิงแก่มากไปไหนมาไหนกับเด็กหนุ่ม เรียก "มากับหลาน" ผู้ชายแก่มากไปไหนมาไหนกับเด็กสาว เรียก "***เฒ่าหัวงู" ผู้หญิงฉี่ในห้อง เรียก "เรื่องธรรมดา" ผู้ชายฉี่ในห้อง เรียก "สงสัยไปขี้" ผู้หญิงปลอมเป็นผู้ชายในละครเรียก "เจ้าสัวน้อย หรือ ***หยัง" ผู้ชายปลอมเป็นผู้หญิงในละครเรียก "เป็นตัวอย่างที่ไม่ดีให้กับเยาวชน" ผู้หญิงอยู่ข้างบนเรียก "woman on top" ผู้ชายอยู่ข้างบนเรียก "กดขี่" สิทธิสตรี "สิ่งที่สังคมควรให้ความสำคัญ" สิทธิบุรุษ "จะบ้าเหรอยะ!!! มีด้วยเหรอ"

@วันหนึ่งเกิดฝนตกหนักมีแมลงหวี่อยู่ 2 ตัวกำลังคุยกัน "เอ็งรู้มั๊ยว่าเราเข้ามาหลบฝนอยู่ที่ไหน" "ในถ้ำไม่ใช่เหรอ" "ไม่ใช่เอ็งไม่รู้อะไรเลยไม่ใช่ถ้ำนะ แต่มันเป็นไอ้นั่นของช้างนะเอง" "เหรอ ถ้างั้นข้าจะเอาช้างทำเมียก่อน" ว่าแล้วเจ้าแมลงหวี่ก็จัดการกับเจ้าช้างจนเสร็จเรียบร้อย บังเอิญว่าช้างหลบฝนอยู่ใต้ต้นไม้ กิ่งไม้แห้งเมื่อมันถูกน้ำฝนมันเลยหักลงมาถูกหลังช้าง ช้างเลยร้องด้วยความเจ็บปวด เจ้าแมลงหวี่เลยพูดว่า "ธรรมดาละน้องของมันใหม่ แรกๆ ก็มีเจ็บบ้างอย่างนี้แหละ"

@
ครอบครัวหนึ่งมีลูกชาย 2 คน คนแรกอายุ 3 ปี คนที่ 2 อายุ 7 เดือน ทั้งหมด 4คน เวลานอนต้องนอนในมุ้งเดียวกัน ลูกชายคนโตก็จะนอนริม ลูกชายคนเล็กก็จะนอนติดกับพ่อแม่ พอคืนไหนพ่อกับแม่นึกอยากจะทำอะไรกันก็ต้องรอให้ลูกทั้ง 2 หลับก่อน และก็มีอยู่คืนหนึ่งขณะที่พ่อกำลังเข้าด้ายเข้าเข็มกับแม่ลูกชายคนเล็กก็ผงกหัวร้องไห้ขึ้นมา พ่อก็พยายามกดหัวลงแล้วก็ทำอย่างว่าต่อ ลูกคนเล็กก็ผงกหัวขึ้นมาร้องไห้อีก พ่อก็พยายามกดหัวลงอีก เป็นอยู่อย่างนี้ถึง 3ครั้ง จนลูกชายคนโตก็ร้องขึ้นมาว่า พ่อๆตบหัวมันเลย มันบังผม

@20 ความหมายของ sex ผ่านผู้ชาย 20 คณะ


1.ผู้ชายแพทย์ (สาขาสูติ) - คือสิ่งที่ทำให้พ่อแม่ผลิตฉันออกมา-
2. ผู้ชายวิศวะ - ชายได้ชายคือยอดชาย-
3. ผู้ชายครุ - อย่าทำอย่างที่ฉันบอก จงทำอย่างที่ฉันทำ-
4. ผู้ชายเศรษศาสตร์ - มีอุปสงค์ ก็ต้องมีอุปทาน-
5. ผู้ชายบัญชี - (ไม่)ได้(ก็)เสีย
-6. ผู้ชายรัฐศาสตร์ - ยืดหยุ่นได้เพื่อผลประโยชน์-
7. ผู้ชายวิดยา - คือการทดลอง ข้อสรุปอาจตรงหรือไม่ตรงกับสมมติฐาน
-8. ผู้ชายสินปะกัม - คือศิลปะ ไม่ใช่อนาจาร
-9. ผู้ชายถาปัด - ฐานต้องรับน้ำหนักได้มาก-
10. ผู้ชายนิติ - อดใจสักนิด อย่าคิดมี sex กับเด็กอายุต่ำกว่า 16 ปี-
11. ผู้ชายวิดยากีฬา - เริ่มต้นดี มีชัยไปกว่าครึ่ง-
12. ผู้ชายเภสัช - sex ที่ดีต้องเกิดจากความเข้าใจ ไม่ต้องใช้ ไวอากร้า-
13. ผู้ชายสหเวช - อาการเสื่อมสรรถภาพทางเพศ สามารถบำบัดได้-
14. ผู้ชาย***แพทย์ - มันคือสัญชาตญาณ you and me ain’t nothing but Mamals ,just do it like they do on the discovery channel-
15. ผู้ชายทันตะ - การ “ฟัน“-
16. ผู้ชายนิเทศ - เป็นผลงานเพื่อมวลชน-
17. ผู้ชายประมง - ถึงฝั่งก่อนแล้วค่อยว่ากัน-
18. ผู้ชายเตรียมทหาร - อยู่ที่ใครจะเป็นผู้บังคับบัญชานายว่าไงก็ว่างั้น-
19. ผู้ชายสาธิตปทุมวัน - การเรียนรู้ ลองผิดลองถูก-
20. ผู้ชายอักษร - ไม่รู้ ไม่เคยมี ไม่เคยรู้จัก

@ในร้านอาหารอิตาเลียนแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ นี่แหละครับ มีบัญชากับ มาลี สองสามีภรรยาเป็นเจ้าของ ทั้งสองคนช่วยกันทำมาหากินมีความสุขไปตามอัตภาพ เที่ยงวันหนึ่ง.... มี ชายตาบอด คนหนึ่งเดินเข้ามาในร้าน บัญชาซึ่งขณะนั้นอยู่หน้าร้านพอดี ก็รีบไปเปิดประตูต้อนรับพร้อมกับจัดที่นั่งดีที่สุด “จะรับอะไรไม่ทราบครับ“ บัญชาถาม พร้อมกับจัดเก้าอี้ให้เข้าที่เข้าทาง “คุณก็เห็นผมตาบอด อ่านเมนูของคุณไม่ได้ คงตอบอะไรคุณไม่ได้หรอกว่าอยากกินอะไร“ ชายตาบอดตอบและ...บอกต่อไปว่า “เอาอย่างนี้ คุณหาช้อนหรือส้อมที่ลูกค้าคนอื่น ๆ ทานเสร็จมาให้ผมด้วยก็แล้วกัน” บัญชางง ไม่รู้ว่าชายตาบอดจะมาอีท่าไหน แต่...ก็ยอมทำโดยดี เขาหยิบส้อมจากโต๊ะ ข้างๆ ที่เพิ่งลุกออกไป แต่ยังไม่ได้เก็บโต๊ะมาให้ชายตาบอด ชายตาบอดรับส้อมจากมือบัญชาแล้วนำมาจ่อที่จมูกของตัวเอง “อืมมม... มักกะโรนีเนื้อราดด้วยซอส มะเขือเทศ “ ชายตาบอดตอบเหมือนมองเห็น “ผมเอานี่แหละช่วยทำให้ผมด้วย “ บัญชางงอีกเป็นคำรบสองเพราะไม่คาดคิดว่าชายตาบอดคนนี้จะมีความสามารถพิเศษล้ำลึกถึงเพียงนี้ เขาเดินเข้าครัว แล้วเล่าเรื่องนี้ให้ มาลีฟัง “ .....มาคราวหน้าเถอะฉันจะทดสอบดูว่าจะแม่นอย่างวันนี้หรือเปล่า” บัญชาบอกกับมาลีซึ่งเธอก็ได้แต่รับฟัง แต่...ไม่สนใจอะไรมากนัก หลังจากวันนั้นบัญชารอลูกค้าคนเดียวของเขา ซึ่งก็คือชายตาบอด แต่เขาต้องรอถึงสองสามอาทิตย์ และ....ทันทีที่เห็นลูกค้าคนสำคัญเข้ามาเขารีบวิ่งหาทันที เมื่อนั่งเรียบร้อยแล้ว บัญชายืนรอคำสั่งให้ไปหาส้อมมาให้ดมเมื่อชายตาบอดบอก “รอแป๊บหนึ่งนะครับ “ บัญชา พอเห็น .........เท่านั้นแหละบัญชารีบวิ่งเข้าไปในครัวบอกกับมาลีว่า “มาแล้ว...มาแล้ว.....เขามาแล้ว“ มาลีงง ” อะไรกัน .... “ "คนตาบอดมาแล้ว.....ฉันจะทดสอบเขาว่าคราวนี้แม่นจริงไหม และแน่ไหม...เอานี่” บัญชาพูด พร้อมกับยื่นส้อมอันหนึ่งให้มาลี “เธอเอามันถูกกับกางเกงในด้านหน้าของเธอนะ“ มาลีรับมาอย่างงง ๆ ก่อนจะเลิกกระโปรงขึ้น เอาส้อมถู ๆ ตามสามีบอกอย่างเสียมิได้ แล้วส่งคืนให้บัญชา เมื่อได้แล้วบัญชารีบวิ่งออกมาข้างนอกแล้วส่งส้อมให้ชายตาบอด บอดอัจฉริยะทำเหมือนครั้งก่อน คือ ดม...... คราวนี้เขาสูดหายใจลึกกว่าปกติ และดมหลายรอบมาก ก่อนจะยิ้มกว้างแล้วบอกว่า “....อืมม... ผมไม่รู้มาก่อนเลยนะนี่ว่า มาลี ทำงานที่นี่ด้วย”


@สอบใบขับขี่พนักงาน : คุณจะทำใบขับขี่รถยนต์ใช่มั้ย? ปู: “ใช่ครับ ตลอดชีพเลย” พนักงาน : “เอาละ ก่อนอื่นผมขอถามคำถามคุณก่อน 1 ข้อ” ปู : “ได้เลยครับ” ปูมีความมั่นใจเต็มที่เลยเพราะเตรียมตัวมาดี พนักงาน: “หากคุณขับรถมาด้วยความเร็ว 100/ชม. แล้วข้างซ้ายมือมีผู้หญิงท้องแก่ยืนอยู่คนนึง ข้างขวา มีสุนัขอยู่ตัวนึง กับ มีคนเดินถนนคนนึง คุณจะเลือกเหยียบอะไร” ปู: (นั่งคิดอยู่สักพัก) “เหยียบหมาครับ” พนักงาน: “ทำไม ชีวิตมันไม่มีค่าเหรอ” ปู: “มีครับ แต่น้อยกว่าคน” พนักงาน: “แล้วเบรกมีทำไมคุณไม่เหยียบมันล่ะ คุณสอบตก”

@มีตายายคู่หนึ่งอยู่ที่ชายป่าวันหนึ่งตาเดินเข้าไปในป่าแล้วพบเสือตัวหนึ่ง ก็ตกใจไม่รู้จะทำไงตาจึงแก้ผ้าและเอาหัวทิ่มลงพื้น เสือเดินเข้ามาและก้มลงดมกลิ่น ตรงไอ้นั่นอ่ะพลางคิดในใจว่าผลไม้ลูกนี้น่ากินจัง แต่วันนี้เราอิ่มแล้ว ยังไม่กินดีกว่า(แล้วก็เดินจากไป) ตา : กลับมาบ้านตาจึงเล่าเรื่องให้ยายฟัง เมื่อเจอเสือก็ให้ทำตามที่ตาทำแล้วเสือจะกลัว วันต่อมายายเข้าไปในป่าและได้พบกับเสือ ยายจึงทำตามที่ตาได้บอกไว้ เสือ : เสือเดินเข้ามาดมกลิ่นที่ไอ้ตรงนั้นอ่ะ พลางพูดว่า "ว้า... เสียดายจังวันก่อนยังดูน่ากินวันนี้แตกซะแล้ว"(แล้วเสือก็เดินจากไป)

@สามีภรรยาสองคู่เป็นเพื่อนซี้สนิทสนมกันมานาน ได้ไปพักตากอากาศที่ภูเก็ตด้วยกัน ทั้งสี่คนมีความสุขมากได้กินอาหารทะเลสดๆ เหล้ายาไม่อั้น ในวงสนทนาผสมสุราคืนหนึ่ง ชายหนึ่งในสองก็ถามขึ้นว่า"พวกเราเคยได้ยินเรื่องสับคู่มั้ย เดี๋ยวนี้ได้ข่าวว่ามีมากเหมือนกันนะ พวกเราคิดยังไง" เรื่องนี้ทำให้ทุกคนตื่นเต้นไปตามๆ กัน มีการอภิปรายถึงเรื่องนี้พอสมควร ในที่สุดทุกคนก็ตัดสินใจที่จะลองสับคู่กันดู..............! หลังจากสองชั่วโมงผ่านไป มีเสียงผู้ชายพูดกับคู่นอนคนใหม่ของตัวว่า "เราไม่เคยมีความสุขอย่างนี้มาก่อนเลยนี่ไม่รู้ว่าเมียๆ ของเราจะสนุกเหมือนกับเรามั้ย"

คำเตือน: ควรใช้วิจารณญาณ ในการอ่าน ห้ามอ่านเกินวันละ 2 ครั้ง โปรดสังเกตุฉลาก ก่อนอ่านทุกครั้ง :-)

Comments: แสดงความคิดเห็น

This page is powered by Blogger. Isn't yours?