(<$BlogItemCommentCount$>) comments <$BlogRSDUrl$>

วันอังคาร, เมษายน 11, 2549

เปิดสัมพันธ์บอร์ดชินคอร์ป "โอฬาร" นั่ง 23 บริษัทเน้นธุรกิจพลังงาน

เผยบอร์ดเครือชินคอร์ปมีประวัติควบตำแหน่งกรรมการบริษัทอื่นอีก 123 แห่ง โดยเฉพาะ "โอฬาร ไชยประวัติ" นั่งเก้าอี้กรรมการธุรกิจพลังงาน-ปิโตรเคมี ด้านไอโอดีระบุจำนวนเหมาะสมไม่ควรเกิน 5 บริษัท หวั่นคำปรึกษาไม่มีประสิทธิภาพ
ประเด็นสำคัญที่ศาลปกครองสูงสุดสั่งเพิกถอนพระราชกฤษฎีกา 2 ฉบับ ที่เกี่ยวข้องกับการแปรรูปการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย อยู่ที่ความทับซ้อนทางผลประโยชน์ของบุคคลที่เป็นกรรมการพิจารณาการแปรรูป โดยเฉพาะกรณีของ ดร.โอฬาร ไชยประวัติ ซึ่งศาลปกครองสูงสุดระบุว่า มีตำแหน่งเป็นนายกสภามหาวิทยาลัยชินวัตร รวมถึงเป็นรองประธานกรรมการ บริษัทชินคอร์ปอเรชั่น และประธานกรรมการตรวจสอบ บริษัท ปตท.
ขณะเดียวกัน เมื่อวันที่ 4 เมษายน ที่ผ่านมา ดร.โอฬาร และนายวิชิต สุรพงษ์ชัย ซึ่งเป็นประธานกรรมการบริหาร ธนาคารไทยพาณิชย์และเป็นหนึ่งในกรรมการบริษัทชินคอร์ป ได้ประกาศลาออกจากการเป็นกรรมการบริษัทการบินไทย เพื่อไม่ต้องการให้มีข้อครหาเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อนหรือการเป็นตัวแทน (นอมินี) ให้กลุ่มชินคอร์ป ซึ่งล่าสุด สหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการบินไทยได้ออกมาเรียกร้องให้ทั้งสองคนคืนสิทธิประโยชน์ที่ได้รับไปก่อนหน้านี้
ทั้งนี้ จากการรวบรวมข้อมูลกรรมการของบริษัทชินคอร์ปทั้ง 9 คน พบว่าเคยมีประวัตินั่งเป็นกรรมการในบริษัทต่างๆ มากถึง 123 แห่ง ซึ่งเป็นบริษัทจดทะเบียนที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ 27 แห่ง โดย ดร.โอฬาร มีประวัติเป็นกรรมการบริษัททั้งในและนอกตลาด 23 บริษัท ซึ่งส่วนใหญ่เป็นบริษัทในกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมี
เกี่ยวกับเรื่องนี้ นายชาญชัย จารุวัสตร์ นายกสมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย (ไอโอดี) กล่าวว่า ที่ผ่านมาไม่ได้มีข้อกำหนดว่า การรับตำแหน่งกรรมการบริษัทนั้นเป็นได้มากน้อยเพียงใด เพราะจะต้องขึ้นอยู่กับความเหมาะสม ซึ่งอาจพิจารณาว่า หากเป็นผู้บริหารที่มีงานประจำอยู่แล้วก็สามารถรับเป็นกรรมการบริษัทอื่นไม่เกิน 2-3 แห่ง แต่ถ้าไม่มีงานประจำหรือเกษียณแล้ว ก็อาจรับได้มากถึง 5-7 แห่ง ส่วนสัดส่วนที่เหมาะสมที่สุดน่าจะอยู่ที่ 5 บริษัทต่อ 1 คน
อย่างไรก็ตาม ประเด็นสำคัญที่สุดไม่ได้อยู่ที่จำนวนบริษัทที่รับเป็นกรรมการ แต่อยู่ที่เรื่องของผลประโยชน์ทับซ้อนและการกำกับดูแลกิจการที่ดี ดังนั้น กรรมการจึงควรมีเวลาในการเข้าร่วมประชุม เพราะหากต้องส่งตัวแทนหรือนอมินีเข้าประชุมแทน จะทำให้การทำงานไม่มีประสิทธิภาพได้

ภัยจากการเติมน้ำมัน

ภัยจากการเติมน้ำมันถูกต้องแล้วครับ ไม่ใช่เฉพาะปั๊ม JET เท่านั้น หลายๆปั๊มก็เป็นเหมือนกัน วิธีการเติมโดยไม่ให้ถูกโกง1. อย่าขี้เกียจ ถ้าเป็นไปได้ให้ลงไปดูด้วยทุกครั้ง2. ถ้าขี้เกียจลงก็จงจอดในลักษณะที่เราเห็นตัวเลขชัดเจน3. ถึงแม้ว่าเด็กปั๊มรีเซตแล้วก็ตามก็ยังมีเทคนิคขี้โกงตามมาอีก 4.อ่านวิธีโกงที่ว่าคือ ถ้าเบิ้ลหัวจ่ายน้ำมันติดกันเร็วๆ2 ครั้งตัวเลขจะกระโดดขึ้นไปประมาณ30-50บาทดังนั้นจงอย่าละสายตาจนกว่าตัวเลขเริ่มวิ่งแล้วใครที่ชอบเติมน้ำมันปั๊ม JET โปรดางนี้..นี่คือเรื่องจริงที่เกิดขึ้น ปั๊มน้ำมัน JET สาขาประตูน้ำพระอินทร์(ข้างบริษัทมินิแบ)>>ดิฉันกำลังจะเดินทางไปต่างจังหวัด แต่เผอิญว่าน้ำมันในถังเหลือน้อยเต็มทีจึงเลือกปั๊มน้ำมัน JETสาขาประตูน้ำพระอินทร์ (ข้างบริษัทมินิแบ) เพราะมั่นใจในคุณภาพอย่างที่โฆษณาว่าเป็นระดับสากล เมื่อมาถึงปั๊มน้ำมัน จึงแจ้งเด็กปั๊มว่า เติมดีเซล 500 บาท เวลาผ่านไปไม่ถึง 2 นาทีเด็กปั๊มบอกเสร็จแล้วครับ พร้อมกับขอรับเงินตอนนั้นเรา (ดิฉันกับแฟน)>>ก็สงสัยว่าทำไมถึงไวมากแต่ก็จ่ายผ่านบัตรเครดิต เมื่อเด็กปั๊มนำบัตรมาคืน พร้อมกับเซ็นเรียบร้อยแล้วพอจะออก สตาร์ทรถ ปรากฏว่าน้ำมันไม่มี น้ำมันในถังยังตกเกเหมือนเดิมเราโมโหมากลงจากรถไปเรียก ปรากฏว่า เด็กปั๊มคนเดิม(ตัวเล็ก ๆ เตี้ย ค่อนข้างดำ)มาอธิบายว่าทำไมไม่มีน้ำมัน ทั้งที่จ่ายเงินไปแล้ว ไม่มีคำอธิบายจากเด็กปั๊มบอกเพียงว่า"ผมเติมแล้ว"จึงให้เด็กปั๊มคนเดิมไปเรียกผู้จัดการมาคุยแต่เด็กปั๊มไปเรียกคนเก็บเงิน (คิดว่าน่าจะเป็นหัวหน้า) อีกคนมาคุยเขาถามทางเราว่า "เกวัดน้ำมันไม่ขึ้นหรือครับ"เราก็เลยตอบไปว่า"เรื่องเกวัดน้ำมันเป็นไปไม่ได้ แต่เรากลัวว่าเติมน้ำมัน 500แล้วไม่ได้น้ำมันสักหยดมากกว่า"และถ้าไม่เคลียร์เรื่องคงถึงตำรวจ เพราะเรามั่นใจว่ารถเรามีน้ำมันเหลือน้อยมาก แฟนที่นั่งรถอยู่กดเครื่องคิดเลขแล้วถามว่า "เติม 500 จะได้น้ำมันกี่ลิตร เด็กปั๊มตอบว่า ประมาณ 38 ลิตรแต่ที่แป้นที่เด็กปั๊มจะต้องเคลียร์ก่อน แล้วถึงป้อนข้อมูลเข้าไปใหม่มันโชว์ เติม 500 บาท แต่ได้ 34 ลิตร แสดงว่า รถคันก่อนหน้านี้ เติม 500 บาทเหมือนกัน แต่เติมน้ำมันเบนซิน เลยได้ 34 ลิตร แสดงว่าเด็กปั๊มไม่ได้เคลียร์โปรแกรมแต่ที่น่าสงสัยคือ ทำไมเอาสายเข้าไปที่ถังน้ำมันแล้ว แต่ไม่มีน้ำมันแล้วบอกว่าเติมเสร็จแล้ว จุดประสงค์คืออะไร?ถ้ารถของดิฉันมีน้ำมันประมาณครึ่งถังใครจะบอกได้ว่าเป็นของใหม่หรือของเก่า คงต้องจ่ายเงินฟรี?แต่สุดท้ายเรื่องก็เลยสรุป เด็กปั๊มเติมน้ำมันให้ใหม่ 500 บาท แต่โดยดีไม่งั้นเรื่องคงยาวถึงตำรวจปั๊มก็คงเสียชื่อมากกว่านี้ มีอีกเรื่องที่คุยกับเพื่อนๆ หลังเหตุการณ์นี้ บางกรณีที่จ่ายเงินสดมีรถคันก่อนหน้าเรามา สมมติเขาเติม 200 บาท พอเราไปต่อ เราบอกเติม 300ถ้าไม่สังเกต บางทีเด็กปั๊มไม่เคลียร์โปรแกม เติมต่อจาก 200 เป็น 300เราจะได้น้ำมันแค่ 100 บาท ประเภทอย่างนี้ถ้าเป็นเงินสด เข้ากระเป๋าเด็กปั๊มทันที

Car Insurance : Beware ข้อระวังเกี่ยวกับประกันรถยนต์

เห็นคุยกันถึงเรื่อง พรบ. ประกันภัยผู้ประสบภัยทางรถยนต์ก็เลยขอพูดถึงเรื่องนี้สักหน่อยถ้าสมมติว่า คุณขับรถแล้วเกิดอุบัติเหตุทำให้บุคคลภายนอก บาดเจ็บหรือเสียชีวิตสิ่งที่คุณควรจำไว้ก็คือ " ประกันภัยมีหน้าที่ต้องจ่าย "แต่สิ่งที่พบเห็นบ่อยๆบนโรงพักก็คือพนักงานของบริษัทประกันภัยจะเอาเอกสารมาให้คนขับรถเซ็นแล้วพูดกำชับว่า"คุณไม่ผิดใช่ไหมๆ ถ้าคุณไม่ผิด คุณต้องเซ็นต์นะ"หารู้ไม่ว่าเอกสารที่เอามาให้เซ็นต์เป็นเอกสารที่สละสิทธิที่ทำให้บริษัทประกันภัยไม่ต้องจ่ายหมายความว่าหากมีการฟ้องร้อง คุณต้องจ่ายค่าเสียหายเองเต็มจำนวน
---------------------------------------
ผมเพิ่งไปโรงพัก เจอคดีที่คนขับรถชนคนตายรู้เท่าไม่ถึงการณ์เซ็นเอกสารดังกล่าวไปเจ้าหน้าที่ตำรวจอธิบายให้คนขับรถฟังภายหลังว่าเอกสารที่เซ็นกับบริษัทประกันไปน่ะโดนเค้าหลอกให้เซ็นรู้หรือเปล่า ผู้ต้องหาถึงกับจะไปกระโดดต่อยพนักงานของบริษัทประกันดีที่ตำรวจห้ามไว้ทันแต่ที่น่าเจ็บใจแทนก็คือพนักงานบริษัทประกันหยิบโทรศัพท์โทรขึ้นมาแล้วพูดว่า"ผมเอาเอกสารให้ลูกค้าเซ็นแล้วนะ อย่าลืม ส่วนแบ่ง ...%" (ผมจำตัวเลขไม่ได้)
-----------------------------------------
ดังนั้น หากไปขับรถชนใครเข้าก็อย่ารีบไปเซ็นต์เอกสารของบริษัทประกันนะครับ

วันจันทร์, กันยายน 27, 2547

yahoo group

ที่ http://health.groups.yahoo.com/group/tbcorethai/
มีสมาชิก 2 คน
1. tapanok@yahoo.com
2. thaitbcore@yahoo.com <= คน สร้าง


วันอาทิตย์, กันยายน 26, 2547

ความแตกต่างของ...คู่รัก..คู่ขา...คู่แต่ง

ความแตกต่างของ...คู่รัก..คู่ขา...คู่แต่ง

คู่รัก * คอยคุณที่หน้าอำเภอ(แต่ง)
คู่ขา * คอยคุณที่หน้าโรงแรม
คู่แต่ง * คอยคุณที่หน้าอำเภอ(หย่า)

คู่รัก * นัดเจอกันในงานเลี้ยง
คู่ขา * นัดเจอกันหลังงานเลี้ยง
คู่แต่ง * เธออยู่บ้าน ฉันจะไปงานเลี้ยง

คู่รัก * เปิดหนังโรแมนติกร้องไห้ด้วยกันตอนจบ
คู่ขา * เปิดหนังเอ๊กซ์ ดูด้วยกันไม่ทันจบ
คู่แต่ง * ซื้อทีวีรุ่นจอเดียวแยกได้สองช่อง

คู่รัก * ไม่พยายามคิดเรื่องทะเลาะกัน
คู่ขา * ไม่พยายามคิดเรื่องเป็นคู่กัน
คู่แต่ง * พยายามคิดเรื่องเป็นโสด

คู่รัก * สนใจทุกเรื่องร่วมกัน
คู่ขา * สนใจเรื่องเดียวเหมือนกัน
คู่แต่ง * สนใจเงินในบัญชีธนาคารร่วมกัน

คู่รัก * โลกนี้เป็นของเราสองคน
คู่ขา * เรื่องนี้รู้แค่เราสองคน
คู่แต่ง * เรื่องทั้งโลกกลายเป็นเรื่องระหว่างเราสองคนได้
ทั้งนั้นรวมทั้งเรื่องของพ่อตา แม่ยาย และญาติสนิทมิตรสหาย

คู่รัก * โทรศัพท์ถึงคุณเพื่อบอกว่า "รักเธอเหลือเกิน"
คู่ขา * เซ็กซ์โฟน
คู่แต่ง * โทรศัพท์มาเพื่อบอกว่า "กลับดึก ไม่ต้องคอย"

คู่รัก * ทุกครั้งที่เขียนใส่สมุดบันทึก คือบทกวีหวานกลั่นจากหัวใจ
คู่ขา * ทุกครั้งที่เขียนใส่สมุดบันทึก คือหมายเลขโทรศัพท์คู่ขาคนใหม่
คู่แต่ง * ทุกครั้งที่เขียน คือเช็คส่วนบุคคลและบันทึกค่าใช้จ่าย

คู่รัก * ตาสบกันริมถนน
คู่ขา * ลิ้นพันกันบนโซฟา
คู่แต่ง * หลังชนกันบนเตียง

คู่รัก * แสดงความอาทรให้เขาสังเกต
คู่ขา * แสดงอาการเมื่อโดนสะกิด
คู่แต่ง * แสดงอารมณ์โดยไม่สะกด

คู่รัก * กล่าวคำอำลาว่า "รักเธอ"
คู่ขา * กล่าวคำอำลาว่า "อย่าลืมกินยาคุม"
คู่แต่ง * กล่าวคำอำลาว่า "ซักผ้าด้วย"

คู่รัก * เรียกคุณว่าที่รักด้วยเสียงอ่อนหวาน
คู่ขา * เรียกคุณว่าที่รักด้วยเสียงกระเส่า
คู่แต่ง * เรียกคุณว่าที่รัก ชงกาแฟแก้ว

คู่รัก * สนใจขนาดนิ้วสวมแหวน
คู่ขา * สนใจขนาดยกทรง
คู่แต่ง * สนใจรอยลิปสติกที่ปกเสื้อ

คู่รัก * เมื่อคุณเล่าเรื่องตลกเขาตั้งใจฟัง และขำกลิ้ง
คู่ขา * เมื่อคุณเล่าเรื่องตลกเขาบอกว่าหยุดเถอะ วันนี้ต้องทำเวลา
คู่แต่ง * เมื่อคุณเล่าเรื่องตลก เขาให้คุณช่วยอธิบายอีกห้านาที
พยักหน้าเข้าใจ และก้มหน้าอ่านหนังสือพิมพ์ต่อ

คู่รัก * เมื่อคุณอยากทำอะไรสักอย่างทาน เธอจะเข้ามาช่วยคุณอย่างกุลีกุจอ
คู่ขา * เมื่อคุณอยากทำอะไรสักอย่างทาน เธอจะเข้ามาทำอะไรสักอย่างจนคุณไม่อยากจะทำอาหารต่อ
คู่แต่ง * เมื่อคุณอยากทำอะไรสักอย่างทาน เธอจะขอให้คุณเผื่อเธออีกจาน


สังคมและการเมือง

@ทำไมนายกอยากขายไฟฟ้าจัง

บอกให้ก็ได้นายกมีบริษัทในตลาดหุ้นที่มีมูลค่าตลาดรวมกันแล้ว 3 แสน 5 หมื่นล้านบาท คือ advance กับ shinw ไม่เชื่อไปดูที่ http://65.54.187.250/cgi-bin/linkrd?_lang=EN&lah=7242f986d3d7a526382d0c4ff0fcc8c1&lat=1093857916&hm___action=http%3a%2f%2fwww%2etaladhoon%2ecom%2f แล้วคลิ๊กไปที่ get ready ตามด้วย คลิ๊กที่ M-cap

ถ้าไฟฟ้าเข้าตลาดหุ้น แล้วตลาดบูม ดัชนีหุ้นขึ้นไปจาก 720 จุดซัก 20% มูลค่าบริษัทของนายกก็จะขึ้นไปอีก 20% ประมาณว่า 20% ของ 3.5 แสนล้านก็เท่ากับ 7 หมื่นล้าน! เป็นไงไล่ออกให้หมดผู้บริหาร กฟผ อยากมาขวางทางรวยทำไม? นายกบอกกระจายหุ้นไฟฟ้า รัฐบาลถือเกิน 50% ถามว่าจริงหรือ ตอบว่าจริงครับ แต่นายกพูดไม่หมด...คือ 50% แค่ปีเดียว รู้ได้อย่างไรครับ ก็ตอนนี้บริษัทผลิตไฟฟ้า (egcomp) รัฐบาลถือหุ้นแค่ 25% ไม่เชื่อไปดูที่ http://www.settrade.com/sims_majorShares.jsp?txtBrokerId=IPO&securityNam แล้วที่ร้ายคือ...ผู้ถือหุ้นอันดับสองคือไชน่าไลท์ CLP นั่นแหละต่างชาติชัดๆ บอกผู้จัดการคนไทยห่วย ไล่กลับกฟผแล้ว

วิธีหาเงินของทักษิณ

1. ให้พานทองแท้ซื้อหุ้นทหารไทยที่ 3.50 บาท 150 ล้านหุ้นแล้วประกาศเพิ่มทุน นายกบอกไม่มีใครซื้อ จะให้กองทุนวายุภักษ์ซื้อ ตอนนี้ราคาอยู่แถว 5 บาท ฟาดไป 225 ล้าน

2. ให้เงินไตรภพไปซื้อ iTV 150 ล้านหุ้นที่ราคา 10 บาท แล้วประกาศให้ชาวบ้านรู้ว่า นายกซื้อ iTV ราคากระเด็นไป 30บาท ได้ไป 3 พันล้าน ตอนนี้ iTV จะเป็นยังไงก็ช่าง เพราะจริงๆไม่ใช่จะซื้อ แต่เป็นการปั่นหุ้น คิดดูแล้วกันเอานายทุนมาบริหารประเทศ ประชาชนเกลียดคนไฟฟ้า27000 คน แต่แปลกไม่มีใครอิจฉานายกบ้าง พ่อแม่ไม่ได้ร่ำรวยอะไร ไปเรียนเมืองนอกก็ทุนกรมตำรวจ แต่พอมีความรู้ขึ้นมาก็ลาออกไปทำธุรกิจ
? ใส่นาฬิกาเรือนละ 1 ล้าน ?ซื้อรถ Ferrari คันละ 20 ล้านให้ลูก ?สร้างคฤหาสน์รับจอร์จ บุชมูลค่า 500 ล้าน ?ลูกปิดเทอมพาไป shopping ที่ห้างแฮร์รอดประเทศอังกฤษ

ความลับสุดยอดทักษิณกำลังทำอะไรกับรัฐวิสาหกิจ ไฟฟ้าได้อภิสิทธิ์ขายไฟได้แต่เพียงผู้เดียว การสื่อสารแห่งประเทศไทยได้อภิสิทธิ์เชื่อมต่อสัญญาณโทรศัพท์ไปต่างประเทศแต่เพียงผู้เดียว
ทักษิณปัจุบันที่รวยได้เพราะได้สัมปทานมือถือจากองค์การโทรศัพท์ แต่ถ้ามือถือโทรออกต่างประเทศ ค่าโทรจะได้การสื่อสาร ทีนี้จะทำยังไงละก็แปรรูปมันให้หมด เพื่ออภิสิทธิ์ทุกอย่างจะได้ถูกยกเลิก แล้วบอกประชาชนว่าทุกอย่างต้องเปิดเสรีหมด

ผู้ว่า กฟผ.บอกจะทำอาเซียนกริด เฉลยเลยนายกไปหุ้นกับขิ่นยุ้นที่พม่า ทำมือถือแล้วต่อไปก็จะลงทุนพัฒนาแม่น้ำสาละวิน โดยสร้างเขื่อนแล้วให้ผู้ว่า กฟผ สร้างสายส่งไปรับไฟ มาขายไฟจากเขื่อนราคาถูก ชาวบ้านจะได้ใช้ไฟราคาถูกเหมือนสายการบินต้นทุนต่ำไง แต่จริงๆ การไฟฟ้าก็ทำได้ แต่ไฟฟ้าทำเงินเข้ารัฐ
แต่ถ้าแปรรูปซะอะไรอะไรมันก็ง่ายขึ้น แถมอีกนิดบนเสาส่งไฟฟ้ามีเส้นใยแก้วสามารถเชื่อมโยงมือถือของนายกไปเชื่อมกับของตัวเองที่พม่าแล้วใช้พม่าเป็น hub เชื่อมโยงไปทั่วโลกไม่ต้องจ่ายเงินให้ กสท.ไง

รวย รวย แล้วก็จะรวยต่อไป เรื่องต่อไปนี้ insider จริง ปัจุบันผู้ว่า กฟผ. อนุมัติให้ติดตั้งใยแก้วนำแสงในสายส่งไฟฟ้าทุกเส้น เพื่อเชื่อมโยงใยแก้วให้ครอบคลุมทุกจังหวัดแล้ว ที่ร้ายตอนนี้มีเอกชนมาเช่าใช้แล้วนะครับก็ไม่ใช่ใครครับบริษัท TA Orange ผมถามหน่อยองค์การโทรศัพท์ไปอยู่ที่ไหน อภิสิทธิ์ที่คุณมีถูกละเมิดคุณไปอยู่ ที่ไหนครับ
“ไอ้หน้าเหลี่ยม”

อ้างความรวย: รวยอยู่แล้ว ไม่โกงหรอก

อ้างเมีย: ไม่ใช่ของผม (เงิน+หุ้น) ของเมียผม

อ้างสื่อ: สื่อลงข่าวครึกโครม คนเลยไม่กล้ากินไก่ อ้างนโยบายรัฐ: แปลงสินทรัพย์เป็นทุน แปลงเป็นทุนพวกเราซะ รายชื่อผู้ถือหุ้น ปตท มากสุดซึ่งล้วนแล้วแต่เกี่ยวข้องกับพรรคไทยรักไทยทั้งสิ้น

1. นายทวีฉัตร จุฬารกูร - หลานของนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ (เลขาธิการพรรคไทยรักไทย) 2.2 ล้านหุ้น เอาเงินมาจากไหนเงินใครกันแน่ ซื้อแทนใครรึเปล่า)

2. นายประยุทธ มหากิจศิริ - กรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย 2 ล้านหุ้น

3. นายดิษฐพล ดำรงรัตน์ - ญาติ นพ.พฤฒิชัย ดำรงรัตน์ สส.กทม. พรรคไทยรักไทย 1.7 ล้านหุ้น

4. นายสุธี มีนชัยนันท์ - ญาตินายวิชาญ มีนชัยนันท์สส. กทม. พรรคไทยรักไทย 3 แสนหุ้น จริงๆแล้ว
6 อันดับแรกนั้นได้หุ้นทั้งหมด 16 ล้านหุ้น มูลค่าขณะนั้นมีมูลค่าเพียง 385 ล้านบาท แต่ 2 ปีถัดมามีมูลค่าถึง 1,377 ล้านบาทแล้ว ดูแค่นี้ก็น่าจะรู้แล้วว่าทำไม ทรท ถึงอยากนำ กฟผ. เข้าตลาดหุ้นนัก แล้วนี่ก็คือเหตุผลที่นายกไม่กล้าเผชิญหน้ากับกลุ่มประท้วง แบบนี้ไม่เรียกว่าขายชาติแล้วจะขายอะไรครับ

แหล่งข้อมูล: นสพ. ไทยรัฐ วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2547 หน้า 19 หัวข้อ “ทักษิณกร้าว” คนโง่เท่านั้นที่บอกว่า กฟผ. ขาดทุน บ้ารึเปล่า กำไรทุกปี แล้วยังจะแปรรูปทำไม อยากให้เศรษฐีนามสกุลเดิมๆ มาเป็นเจ้าของ มาเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่นักใช่ไหม ดู!อย่าง ปตท.ซิ คนทั่วไปมีสิทธิได้ซื้อไหม ไปดูอย่าง iTV ซิสัญญาที่เซ็นเองกับมือ ทำขาดทุนนิดหน่อย ยังไม่ยอมเลย นับประสาอะไรกับกฟผ.ของประชาชน เพื่อประชาชนแท้ๆ ถ้าเอามาขายเป็นหุ้น (ก็รู้อยู่แล้วว่าใครจะซื้อ) ทำแล้วขาดทุนหรือเสมอตัวมันจะยอมหรือ ดูอย่างมือถือของแม่งสิ!!...เคยลดค่าบริการลงไหม แสนแพง โทรเกินหน่อยก็ตัด อีกหน่อยคงมีวงเงินการใช้ไฟฟ้ามาใช้เหมือนมือถือแน่ แล้วก็มีบริการเสริมมาหลอก เงินคนจนๆอีกเยอะ ตลอดมารัฐต้องเอาเงินภาษีประชาชนไปสร้างโรงไฟฟ้า สร้างเขื่อน ลงทุนไปมากมายหลายแสนล้าน กว่าจะเป็นทุกวันนี้ จะเอามาขายกันง่ายๆเนี้ยนะ

ช่วยส่งเมล์นี้ต่อไป เพื่อร่วมกันขัดค้าน


@ เอกยุทธvsทักษิณฟังไว้ ผู้เขียน: รู้ทัน

•• วันนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร กำลังเสมือน ติดกับดัก, ตกหลุมพรางหากไม่เลิกคิดว่า ขบวนต่อต้านระบอบทักษิณ นั้นเป็น องค์กรจัดตั้งที่มี รูปแบบ, แผนงาน, ผู้นำแล้วก็พาลออกมาฟาดงวงฟาดงาอาละวาดกับคนระดับ เอกยุทธ อัญชันบุตร,ประพันธ์ คูณมี (หรือแม้แต่ น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ) รวมทั้งพรรคประชาธิปัตย์ ตั้งสมญาให้พวกเขาอย่าง สนุกปาก, คะนองปาก ชนิดที่ไม่ควรหลุดออกจากปากผู้นำประเทศ เลย •• รวมทั้ง การชี้นำ ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรให้องค์กรที่ใช้ กฎหมายพิเศษ อย่าง ป.ป.ง. –สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินใช้กฎหมายที่เป็น ข้อยกเว้นของหลักสิทธิมนุษยชน ออกมาอย่างปราศจากความระมัดระวังอย่างถึงที่สุดนั้นมันเท่ากับเปลือยตนเอง ให้ผู้คนทั้งแผ่นดินให้พินิจพิเคราะห์วัฒนธรรมในการใช้อำนาจของตนเอง อย่าง ล่อนจ้อน ครั้งสำคัญ •• และถ้า เอกยุทธ อัญชันบุตร คนนี้ เล่นเป็น,เตรียมการไว้พร้อม วัฒนธรรมการใช้อำนาจเฉกเช่นนี้ของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ก็อาจถูกนำไป เปิดโปง, ร้องทุกข์ต่อองค์การระหว่างประเทศระดับ สหประชาชาติ,ศาลอาญาระหว่างประเทศ ได้ไม่ยาก •• แม้ในอดีต เอกยุทธ อัญชันบุตร จะเคย ต้องข้อกล่าวหา แต่ ณวันนี้เขากำลังทำหน้าที่เผยแพร่ข้อมูลข่าวสารที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชน,ร้องเรียนให้รัฐดำเนินการต่อขบวนการฉ้อโกงประชาชนไม่ว่าสิ่งที่เขา กล่าวหา ออกมาจะ ถูก, ผิด ก็เป็น หน้าที่ของ รัฐบาลในระบอบประชาธิปไตย ที่จะต้อง ตอบสนองด้วยการเริ่มต้น รับฟัง, สอบสวน ไม่ใช่ทำนอกหน้าที่ด้วยการชี้นำประชาชนว่าคนที่กำลังทำหน้าที่เตือนภัยให้แก่สังคม(ไม่ว่าจะมีเจตนาเบื้องหน้าเบื้องหลังอะไรหรือไม่)คนนั้นไม่น่าเชื่อถือ หรือเลยเถิดไป กล่าวหา และ พิพากษาแทนศาลเลยว่าเขาเป็น อาชญากร คนที่ดำรงตำแหน่ง นายกรัฐมนตรีจะต้องเข้าใจเป็นพื้นฐานว่า ณ นาทีนี้ เอกยุทธ อัญชันบุตรคนนี้ ไม่ใช่อาชญากร ทั้งนี้เพราะไม่เคยต้องคำพิพากษาถึงที่สุดโดยศาลยุติธรรมว่ากระทำความผิดอาญาส่วน คำพิพากษาท างสังคม, เครดิตทางสังคมจะเป็นอย่างไรนั้นหากท่านเชื่อว่า สังคมฉลาดพอก็ไม่จำเป็นจะต้อง ชี้นำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งชี้นำอย่างน่าเกลียด จนเกือบจะถึงขั้นเสียบุคลิกภาพแห่งความเป็นนายกรัฐมนตรีใB9ระบอบประชาธิปไตยเพราะการกระทำเช่นนี้อาจพิจารณาได้ว่าขัดขวางการรับรู้ข่าวสารของประชาชน,ขัดขวางการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารต่อประชาชนโดยอิสระเป็นการกระทำที่ ศาลอาญาระหว่างประเทศ หรือ ICC –International Criminal Court เห็นว่าเป็นการระทำที่เข้าข่ายอาชญากรรมประเภทหนึ่ง กล่าวคือประเภทที่เรียกว่าอาชญากรรมต่อมนุษยชาติ หรือ Crime against Humanityอย่าลืมว่า ICCนี้ประเทศไทยภายใต้การบริหารราชการแผ่นดินของท่านเองประเทศนี้ยอมตนเข้าผูกพัน โดย ลงนามในสนธิสัญญาเมื่อ วันที่ 2 ตุลาคม2543 แม้ว่าจนถึงวันนี้จะ ยังไม่ได้ให้สัตยาบัน ก็หาได้ทำให้พ้นภาระผูกพัน ถ้าขืนยังดันทุรังจะใช้พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542เข้าดำเนินการก็อาจจะต้อง ตามทรัพย์ ไปถึง อังกฤษ และจะต้องขอความร่วมมือจากรัฐบาลอังกฤษแน่นอนว่าผู้ถูกตามราวีที่เต็มไปด้วยลูกบ้า คนนี้จะต้องต่อสู้คดี ดีไม่ดี “เซี่ยงเส้าหลง” ว่าผู้ที่ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีประเทศไทย อาจจะตกเป็น จำเลย ได้ (โดยเซี่ยงเส้าหลง)

@กูไม่โง่ > >>กูไม่โง่ ! สัญญาณ MMS ถึง\"ทักษิณ\"

จาก\"คนมีรถ-บ้านมีรั้ว\" โดยสรกล อดุลยานนท์ > >>จาก มติชน สุดสัปดาห์ วันที่ 03 กันยายน พ.ศ. 2547

> >> >>>ทันทีที่การจราจรเริ่มติดขัดทุกถนนในกรุงเทพมหานครในช่วงสายต่อเนื่องถึงช่วงบ่ายในวันที่ > >>29 สิงหาคม ทั้งที่เป็นวันอาทิตย์

> >> > >>ทีมงานของ \"ปวีณา หงสกุล\" ก็เริ่มหนาวๆ ร้อนๆ เพราะแสดงว่าคน กทม.มาใช้สิทธิเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครกันมากเป็นประวัติการณ์ > >> > >>ทีมงานของ \"ปวีณา\" นั้นมีสมมุติฐานว่าคนกรุงจะมาใช้สิทธิน้อย ดังนั้นหากทำคะแนนได้ 600,000 ก็มีสิทธินั่งเก้าอี้เบอร์ 1ที่ทำเนียบเสาชิงช้าและเธอก็ทำสำเร็จ

> >> > >>แต่สิ่งที่ไม่คาดคิดก็คือคนกรุงมาใช้สิทธิเป็นจำนวนมากและที่สำคัญสัญญาณ \"รถติด\" บ่งบอกให้รู้ว่าคนกลุ่ม\"บ้านมีรั้ว-คนมีรถ\" ออกมาแสดงพลัง > >> > >>ทั้งที่เชื่อกันว่าคนกลุ่มนี้เป็นคนมีความรู้ มีความเห็น > >>แต่ไม่ยอมใช้สิทธิเลือกตั้ง > >> > >>ทำตัวเป็น \"พลังเงียบ\" มาโดยตลอด > >> > >>และหากพิจารณาดูคะแนนแต่ละเขต ยิ่งชัดเจนว่ากลุ่มคนมีเงิน > >>ระดับชนชั้นกลางขึ้นไปส่วนใหญ่ลงคะแนนให้ \"อภิรักษ์ โกษะโยธิน\"

> >> > >>เพราะเขตที่คะแนนของ \"อภิรักษ์\" ชนะ \"ปวีณา\" เกินกว่าเท่าตัว คือพระนคร, > >>ป้อมปราบศัตรูพ่าย, ปทุมวัน, สัมพันธวงศ์, บางรัก, ยานนาวา, สาทร,บางคอแหลม, > >>วัฒนา ฯลฯ > >> > >>ล้วนเป็นเขตธุรกิจทั้งสิ้น > >> > >>ทั้งเขตธุรกิจเก่าอย่าง พระนคร, ป้อมปราบศัตรูพ่าย ฯลฯ จนถึง > >>เขตธุรกิจใหม่อย่าง บางรัก, ยานนาวา, สาธร, วัฒนา ฯลฯ > >> > >>\"อภิรักษ์\" ทิ้ง \"ปวีณา\" กระจุย > >> > >>นี่คือ สัญญาณที่ไม่ดีนัก > >> > >>ไม่ใช่สำหรับ \"ปวีณา\" > >> > >>แต่เป็น \"ทักษิณ ชินวัตร\" > >> > >> > >> > >>ไม่ว่า \"ทักษิณ\" จะยืนยันว่าพรรคไทยรักไทยไม่ได้ส่งผู้สมัคร > >> > >>แต่ทุกสัญญาณ ทุกการเคลื่อนไหวในช่วงการหาเสียงที่ผ่านมา > >>คนกรุงเทพมหานครที่อ่านหนังสือพิมพ์ ฟังวิทยุ หรือดูโทรทัศน์

> >> > >>ทุกคนอ่านออกว่าพรรคไทยรักไทยหนุน \"ปวีณา\" > >> > >>ไม่ว่าการส่ง \"เอสซี แมทบ็อกซ์\" เอเยนซี่โฆษณาในเครือ \"ชินคอร์ป\"มาทำโฆษณาให้ > >> > >>หรือการบัญชาการ ส.ก. และ ส.ข. ให้ช่วย \"ปวีณา\" > >> > >>การใช้กลยุทธ์ \"พูดให้ชัด แต่เตะไม่ถึง\" ของ \"ทักษิณ\" > >>ทั้งเรื่องการทำนายผลแบบทีเล่นทีจริงวาผู้ว่าฯ น่าจะเป็น \"ผู้หญิง\" > >>เหมือนนักยกน้ำหนักเหรียญทองของไทย > >> > >>รวมทั้งการประชุมเรื่องการจราจรก่อนการเลือกตั้งไม่ถึงสัปดาห์ และตั้ง

พล.ต.ต.พงศพัศ พงษ์เจริญ ว่าที่รองผู้ว่าฯ ทีม \"ปวีณา\" > >>เป็นคนประสานงานเรื่องจราจร > >> > >>ตามมาด้วยการขึ้นรถไฟฟ้า ลงเรือ เพื่อดูปัญหาจราจรในวันเสาร์ที่ 28สิงหาคม > >>ก่อนการเลือกตั้งเพียง 1 วัน > >> > >>ส่งสัญญาณให้รู้ว่าปัญหาการจราจรเป็นเรื่องระดับรัฐบาล ผู้ว่าฯ กทม.จะต้องประสานงานกับรัฐบาลจึงจะแก้ปัญหาได้สำเร็จ > >> > >>ถ้าเลือกฝ่ายค้านเข้ามา ปัญหาจราจรก็แก้ไขได้ยาก > >> > >>ยิ่ง \"ทักษิณ\" ผูกตัวเองกับ \"ปวีณา\" มากเท่าไร > >>เสียงคนกรุงส่วนหนึ่งที่ไม่พอใจ \"ทักษิณ\"ในหลายเรื่องก็ยิ่งเทคะแนนให้ \"อภิรักษ์\"


> >> > >>คนกลุ่มนี้ไม่ได้รัก \"ประชาธิปัตย์\" ไม่ได้ชอบ \"อภิรักษ์\" > >> > >>แต่ต้องการส่งสัญญาณความไม่พอใจ \"ทักษิณ\" > >> > >>และแสดงความฉลาดแบบ \"รู้ทันทักษิณ\" > >> > >>ด้วยการเลือก \"อภิรักษ์\" > >> > >>เพราะขืนเป็น \"พลังเงียบ\" ต่อไป และ \"ปวีณา\" ชนะเลือกตั้งก็ยิ่งทำให้ > >>\"ทักษิณ\" เชื่อว่าสิ่งที่ทำมาโดยตลอดถูกต้อง > >> > >>และคนกรุงไม่มีใครฉลาดเท่าทันเกมการเมืองของเขา > >> > >>การส่งสัญญาณแสดง \"ความฉลาด\" จึงต้องทำให้เห็นอย่างเป็นรูปธรรม > >> >>>ที่น่าสนใจก็คือกลุ่มคนที่แสดงพลังกลุ่มนี้ล้วนแต่เป็นกลุ่มชนชั้นกลางระดับ > >>\"คนมีรถ-บ้านมีรั้ว\" > >> > >>คนมีสตางค์กลุ่มนี้ซับซ้อนกว่าที่ \"ทักษิณ\" ประเมินมากนัก > >> > >>อย่าคิดว่าเพียงแค่เศรษฐกิจดีขึ้น เงินในกระเป๋าเพิ่ม > >>จะทำให้เขาตัดสินใจเลือก \"ทักษิณ\"

> >> > >>จุดเริ่มต้น \"ความเสื่อมถอย\"ในสายตาคนกรุงนั้นเริ่มต้นจากคำประกาศเรื่อง > >>400 เสียงของ \"ทักษิณ\" > >> > >>ตามมาด้วยข่าวเรื่องการขยายตัวของกลุ่มชินคอร์ปในทุกทิศทาง > >> > >>มีข่าวเรื่องผลประโยชน์ซับซ้อน > >> > >>\"คนกรุง\" ที่ฉลาดไม่มีใครยอมให้พรรคการเมืองไหนมีอำนาจเบ็ดเสร็จขนาดนี้ > >> > >>เป็นธรรมดาที่ \"คนฉลาด\" มักขี้ระแวง > >> > >>ดังนั้น ถ้าสามารถทำให้ฝันเป็นจริงได้ คนกรุงที่ \"ฉลาด\" > >>ส่วนใหญ่คงจะไม่ยอมให้พรรคไทยรักไทยได้ ส.ส. ถึง 400 เสียง > >> > >>ดีที่สุดคือ 250-300 ต้นๆ > >> > >>คือ ยังอยากให้ \"ทักษิณ\" เป็นนายกรัฐมนตรีต่อไป > >>เพราะไม่ว่าจะเทียบเคียงในมุมไหน \"ทักษิณ\" ก็ยังเหนือกว่า \"บัญญัติบรรทัดฐาน\" > >> > >>300 เสียงทำให้การเมืองมีเสถียรภาพ แต่ยังมีการถ่วงดุลอำนาจ

> >> > >>เพราะที่ผ่านมาทุกครั้งที่ \"ทักษิณ\" มีอำนาจไม่มากนัก > >>เขามักจะน่ารักและเกรงใจคนอื่น

> >> > >>แต่ถ้าเขามีอำนาจเบ็ดเสร็จเมื่อไร > >> > >>\"ทักษิณ\" จะเปลี๋ยนไปทันที > >> > >>ดังนั้น >>>เมื่อพรรคไทยรักไทยแสดงความมั่นใจว่าพื้นที่ต่างจังหวัดพรรคไทยรักไทยจะชนะขาดลอยแล้ว > >> > >>\"คนกรุง\" ก็อาจจะเลือกแสดงพลังเพื่อคานอำนาจ \"ทักษิณ\" > >>แต่คนต่างหวัดบางกลุ่มหรือคนที่เทิดทูนเงินของ > >> > >>ทักษิณเท่านั้นที่ตกเป็นเหยื่อ

> >> > >>โดยคนกรุงที่ฉลาด เริ่มต้นซ้อมจากการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. > >> > >>ก่อนจะแสดงพลังจริงในการเลือกตั้งใหญ่ต้นปี 2548 > >> >>>มีแต่คนต่างหวัดบางกลุ่มหรือคนที่เทิดทูนเงินของทักษิณเท่านั้นที่ตกเป็นเหยื่อ



@ทุกข์ของคนฝั่ง ธน>


-----ข้อความต้นฉบับ-----> ส่งเมื่อ: 14 กันยายน 2547 9:23> ถึง: Undisclosed-Recipient:;> เรื่อง: ทุกข์ของคนฝั่งธน> > ทุกข์ของคนฝั่งธน เมื่อวันจันทร์ที่ผ่าน คนกรุงเจอกับฝนที่ตกเข้ามา> ที่สถาณีรถไฟฟ้าสุรศักด์> มีคนกลุ่มหนึ่งต้องยืนรักษาแถวเพื่อข้ามไปยังฝั่งธนโดยรถไฟฟ้า BTS ที่จัดให้> ทั้งที่ฝนตกกรหนำ เพราะอะไรหรือ เราเลือกไม่ได้ แต่> ทำไมหรือรัฐไม่สร้างให้รถไฟฟ้าไปถึงฝั่งธน ทำไมหรืองบไม่พอ> ทำไมหรือภาษีที่เก็บได้ในกรุงเทพไมสามารถทำให้คนกรุงเทพ ได้รับความสะดวก > หากรัฐบาลสามารถจัดสร้างได้ รับรองคะแนนเสียงได้มาอีกมาก> หรือต้องรอจนได้ก่อน ต้องมีคำมั่นสัญญา หรือต้องให้น้องอุ๋งอิ๋ง> มารอรถของBTSกับประชาชนตาดำ เราไม่ได้อยากเกิดมาเป็นคนชั้นกลาง> แต่เราขอในนามสิทธิของเราที่เราน่าจะได้จากการจ่ายภาษีให้คุณ ถ้าน้องอุ๋งอิ๋ง> เมื่อเพื่อนที่อยู่ฝั่งธนจะรับรู้จากเพื่อนว่า นรกของคนกรุงเทพคือการต้องรอรถ> และ รถติดบนถนน ไม่เหมือนผู้ใหญ่บางคนที่ไปไหนมาไหนรถไม่เคยติดเพราะมีรถนำทางให้สะดวกดีครับ> ผมคนหนึ่งที่เชื่อมั่นว่ารัฐบาลที่เข้ามาเป็นรัฐบาลที่ทำ> และกล้าเปลี่ยนแปลง > ทำไมหรือถ้าการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ทำให้ท่านได้ผลประโยชน์ด้วย และคนในกรุงเทพ> ได้ประโยชน์> ผมขอยืนยันว่าเสียงอีกหลายล้านเสียงเทใจให้ผู้นำคนนี้> > จดหมายนี้ ขอฝากผ่านไปยังน้องอุ๋งอิ๋ง> ที่สามารถบอกกล่าวกับคนที่มีความรักเต็มร้อย > ผมเชื่อว่าน้องเขาเป็นคนที่มองโลกในแง่ดี และจะเป็นหัวใจของพ่อแม่ > ช่วยคนกรุงเทพด้วย > จากหนึ่งเสียงครับ> รบกวนด้วยหากจดหมายฉบับดี มีคุณค่าช่วยกันส่งต่อเพื่อให้ถึงคนที่มีอำนาจ> เสียงที่เราเรียก จะไปยังสิ่งที่เราต้องการ


: Fw: กทม. ก่อสร้างสะพาน 17 แห่ง ตั้งแต่ วันที่ 18 ก.ย. นี้ ผ่านแถวบ้านใครจะได้ทำ ใจเรื่องรถติด คนกรุงต้องทำใจฝ่าวิกฤติจราจร 1 ปี ผุดสะพานข้ามแยกรวดเดียว 17 แห่ง?ตั้งแต่ วันที่ 18 ก.ย. นี้ กรุงเทพมหานคร(กทม.)จะเริ่มลงมือก่อสร้างสะพานข้ามทางแยกถนนพระรามที่?3-สาธุประดิษฐ์ เป็นการนำร่องก่อนที่จะตะลุยสร้างสะพานข้ามทางแยกอีก 16 แห่งพร้อมกันรวดเดียว เพื่อแก้ไขปัญหา จราจรในกรุงเทพฯ กทม. ก่อสร้างสะพาน 17 แห่งตามมติของคณะกรรมการจัดระบบการจราจรทาง บก(คจร.) ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานซึ่งเป็นมาตรการระยะสั้นในการแก้ปัญหารองจากการแก้ปัญห าระยะยาวที่ทุ่มเงินหลายแสนล้านเพื่อสร้างระบบรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนที่ต้องใช้เวลาอีกหลายปีสะพาน 17 แห่งใช้งบก่อสร้างประมาณ 8,000 ล้านบาท?ประกอบด้วย 1.สะพานข้ามทางแยกถนนพระรามที่ 3-ถนนสาธุประดิษฐ์ มีขนาด 2 ช่องทางไป-กลับ?มี?2 สะพาน กว้าง 8.30 เมตร ยาว 720 เมตร 2.สะพานข้ามทางแยกถนนพระรามที่ 3-ถนนนราธิวาสราชนครินทร์ ขนาด 2 ช่อง มี 2 สะพาน กว้าง 8.30 เมตร ยาว 645 เมตร 3.สะพานข้ามทางแยกถนนพระรามที่ 3-ถนนเจริญราษฎร์ ขนาด 2 ช่อง ยาว?630 เมตร 4.สะพานข้ามทางแยกถนนพระรามที่ 3-ถนนรัชดาภิเษก(ใต้สะพานพระรามที่?9) ขนาด?2 ช่อง มี 2 สะพาน กว้าง 8.30 เมตร ยาว 684 เมตร 5.สะพานข้ามทางแยกถนนพระรามที่ 3-ถนนสาธุประดิษฐ์ ตัดใหม่-ถนนวงแหวนอุตสาหกรรม ขนาด 2 ช่อง มี 2 สะพาน กว้าง 8.30 เมตร ยาว 1,362 เมตร **หมายเหตุ ตัวสะพานอยู่ตามแนวถนนพระรามที่ 3 ทั้งหมด ที่ต้องมี 2 สะพานเพราะต้องขนาบคูน้ำ ในเกาะกลางถนนพระรามที่ 3 6.สะพานข้ามแยกถนนบางขุนเทียน-ถนนพระรามที่ 2 ขนาด 4 ช่อง มี 1 สะพาน กว้าง 16.40 เมตร ยาว 664 เมตรตามแนวถนนบางขุนเทียน 7.สะพานข้ามแยกถนนฉลองกรุง-ถนนสุวินทวงศ์ ขนาด 3 ช่องมี 1 สะพาน ยาว 665 เมตรตาม แนวถนนฉลองกรุง 8.สะพานข้ามแยกถนนสุขสวัสดิ์-ถนนพระรามที่ 2 ขนาด 2 ช่อง มี 2 สะพาน กว้าง?8.30 เมตร ยาว 1,402 เมตรตามแนวถนนสุขสวัสดิ์ 9.สะพานข้ามแยกถนนพระรามที่ 4-ซอยสุขุมวิท42(กล้วยน้ำไท) ขนาด 2 ช่อง มี?1 สะพาน กว้าง 8.30 เมตร ยาว 660 เมตรตามแนวถนนพระรามที่ 4 10.สะพานข้ามแยกถนนพระรามที่ 4-ถนนเกษมราษฎร์-สุขุมวิท 26 ขนาด 2 ช่อง มี?1 สะพาน กว้าง 8.30 เมตร ยาว 662 เมตรตามแนวถนนพระรามที่4 11.สะพานข้ามแยกถนนดินแดง-ถนนประชาสงเคราะห์(โบสถ์แม่พระ) ขนาด 2 ช่องทาง?มี?1 สะพาน กว้าง 8.30 เมตร ยาว 533 เมตรตามแนวถนนดินแดง 12.สะพานข้ามแยกถนนราชวิถี-ถนนพระรามที่ 6 ขนาด 2 ช่องทาง มี 1 สะพาน กว้าง?8.30 เมตร ยาว 545 เมตรตามแนวถนนราชวิถี 13.สะพานข้ามแยกถนนศรีอยุธยา-ถนนพระรามที่ 6 ขนาด 4 ช่องมี 1 สะพาน?กว้าง 16.40 เมตร ยาว 465 เมตรตามแนวถนนศรีอยุธยา 14.สะพานข้ามแยกถนนศรีอยุธยา-ถนนพญาไท ขนาด 4 ช่อง มี 1 สะพาน กว้าง?16.40 เมตร ยาว 572 เมตรตามแนวถนนศรีอยุธยา 15.สะพานข้ามแยกถนนเอกชัย-ถนนบางบอน-ถนนบางขุนเทียน ขนาด 3 ช่อง มี?1 สะพาน กว้าง 11.55 เมตร ยาว 710 เมตรตามแนวถนนเอกชัย-บางบอน 16.การขยายสะพานลำสาลีให้ยาวขึ้นเพื่อข้ามแยกบ้านม้า 17.สะพานข้ามแยกลาดพร้าวซึ่งมีรูปแบบที่ซับซ้อนที่สุด โดยมี 3 สะพาน?สะพานแรกอยู่ในด้านถนน วิภาวดีขาเข้าเริ่มจากบริเวณหน้าสวนสมเด็จฯขนานโครงการโทลล์เวย์ ข้ามแยกลาดพร้าวไปลงหน้า เซนต์จอห์นและวิ่งทางราบเข้าช่องยูเทิร์นไปถนนพหลโยธินขาเข้าทางจตุจักร มีขนาด 2 ช่องทาง ส่วนอีก 2 สะพานอยู่ในด้านถนนวิภาวดีขาออก แต่ละสะพานมีขนาด 2 ช่องทางเริ่มจากหน้าตึกซัน เอสเตทวิ่งขนานโทลล์เวย์ตรงไปถนนวิภาวดีขาออกทางลงบริเวณหน้าปตท.ส่วนอีกที่มี ทางลงตรงบริเวณจุดกลับรถในช่องทางพื้นราบไปถนนพหลโยธินขาออกที่มุ่งหน้าเซ็นทรัล ในส่วนของ สะพานข้ามทางแยกถนนพระรามที่ 3-สาธุฯ ซึ่งเป็นสะพานแรกที่จะก่อสร้างนั้น กทม.ได้ร่วมประชุม กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและจัดแผนการจราจรที่ชัดเจนแล้ว โดยจะปิดการจราจรบนถนนพระรามที่ 3 จากหน้าวัดดอกไม้ถึงคลองบางโพงพางใต้ด้านละ 2 ช่อง จากที่มีด้านละ 4 ช่องทางเพื่อทำการก่อ สร้างสะพาน ส่วนจุดอื่น ๆ ได้กำหนดแผนเบื้องต้นเสร็จแล้วเช่นกัน?แต่ก่อนก่อสร้างจะร่วมประชุมเพื่ อกำหนดรายละเอียดที่ชัดเจนอีกครั้ง โดยทั้ง17 สะพานจะใช้เวลาในการก่อสร้างประมาณ 8-12 เดือนใช้โครงสร้างเหล็กซึ่งมีความรวดเร็วในการก่อสร้าง และเป็นไปตามมติ คจร. ที่ต้องสร้างให้ เสร็จภายใน 1 ปี สำหรับแผนการจัดจราจร ก่อนการก่อสร้าง?กทม.จะแจกแผ่นพับทางลัดให้ประชา ชนจัดทำป้ายเตือนและติดตั้งสัญญาณเตือนต่างๆให้ประชาชนระมัดระวังในการเดินทาง ส่วนการก่อ สร้างช่วงแรกต้องใช้เวลาย้ายสาธารณูปโภคประมาณ 3 เดือน จากนั้นจะเริ่มก่อสร้างงานสะพานซึ่ง ต้องกระทบกับการจราจรมากโดยยังคงพื้นผิวการจราจรให้ใช้ได้อย่างน้อยด้านละ?2 ช่องทาง หาก ต้องยกคานสะพานและปิดการจราจรจะทำในเวลากลางคืนตั้งแต่?22.00-05.00 น.และจัดเจ้าหน้าที่ มาคอยโบกรถในช่วงดังกล่าว นายภัทรุตม์ ทรรทรานนท์ ผอ.สำนักงานออกแบบ สำนักการโยธา กล่าวว่า?หลังจากที่เริ่มก่อสร้างสะพานที่ทางแยกถนนพระรามที่ 3-สาธุฯ แล้วจากนั้นภายในเดือน ก.ย. จะทยอยสร้างสะพานตามแนวถนนพระรามที่ 3 ทั้งหมดและเดือน ต.ค. จะเริ่มในจุดอื่นๆก่อน ลงพื้นที่จะประชุมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอีกครั้ง เพื่อกำหนดแผนการจราจรให้ชัดเจนขึ้นและกำหนดว่า สะพานไหนจะเริ่มเมื่อใดสะพานอื่นๆ คงไม่มีปัญหามากเพราะอยู่นอกเมือง ที่อาจเป็นปัญหาคือ สะพานตามแนวถนนพระรามที่ 4 ตามแนวถนนศรีอยุธยาราชวิถี และดินแดง รวมทั้งที่แยกลาดพร้าว ซึ่งอาจจะกระทบกับการจราจรอย่างมากจะเริ่มลงมือต้นปี?2548 เพื่อรอให้การสร้างโครงการจตุรทิศ และสะพานข้ามแยกกำแพงเพชร 2 ที่หน้า อ.ต.ก. และการขยายถนนกำแพงเพชร 2 เสร็จเรียบ ร้อยก่อน เพื่อให้ประชาชนที่จะผ่านแยกลาดพร้าวเข้าไปใช้ถนนกำแพงเพชร 2 เพื่อออกทางรัชโยธิน แทนโดยเฉพาะที่แยกลาดพร้าวได้เตรียมแผนรองรับโดยการสร้างทางเลี่ยงเข้าบริเวณสวนจตุจักรซึ่งจ ะหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก่อน นายภัทรุตม์กล่าวต่อว่า เข้าใจว่าประชาชนจะได้รับผลกระทบแน่น อน?เพราะสร้างพร้อมกันถึง 17 สะพาน อย่างไรก็ตามหากทยอยทำจะเสียเวลามากกว่านี้และจะยิ่งมี ปัญหาและการก่อสร้างที่เรื้อรังจึงต้องสร้างพร้อมกันทีเดียว ซึ่งได้ประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเตรี ยมรับมือเต็มที่


คนโง่... คนฉลาด... คนเจ้าปัญญา...

คนโง่... คนฉลาด... คนเจ้าปัญญา...
>
> ว่าด้วยความคิด
> คนโง่ : ทำก่อนแล้วจึงคิด จึงผิดพลาดอยู่เนืองๆ
ต้องเปลืองเวลาและความรู้สึก ตามแก้ปัญหาไม่สิ้นสุด
> คนฉลาด : คิดมากก่อนแล้วจึงทำ จึงเพ้อเจ้ออยู่เป็นประจำ
แม้ประสงค์จะทำดีทากแต่ทำได้น้อย เพราะเขม่าความคิดปิดกั้นความกล้าหาญ
> คนเจ้าปัญญา : คิดไปทำไป จึงทำได้อย่างที่คิด
และคิดพอดีที่ทำประหยัดพลังงานและบริหารเวลาได้เหมาะสม
ลดความหลอนป้องกันความผิดพลาดขื่นขมและประสบความสำเร็จโดยไม่เหน็ดเหนื่อย
>
> ว่าด้วยทัศนคติ
> คนโง่ : ดูหมิ่นความดี มองโลกในแง่ร้ายด้านเดียว
จึงได้รับแต่สิ่งชั่วร้ายมาพาชีวิตตกต่ำ กลายเป็นทาสสถานการณ์
ยามพบสิ่งดีจะไม่เข้าใจจึงพลาดโอกาสใหญ่
> คนฉลาด : ชอบทำดีและคิดดี มักมองโลกในแง่ดีด้านเดียว
จึงได้แต่สิ่งดีโดยมาก ครั้นพบสิ่งชั่วร้าย จะทนไม่ได้ ทำใจไม่เป็น
ต้องถอยหนีสถานการณ์ดวงใจแตกร้าว ชีวิตจึงมีแต่ความระคายเคืองและปฏิฆะเร้นลึก
> คนเจ้าปัญญา : ละชั่วเด็ดขาด และทำดีเป็นนิสัย โดยไม่ติดดี
แล้วละแม้ความดีเข้าสู่ความบริสุทธิ์
จึงเห็นที่สุดแห่งความเป็นจริงแท้แห่งโลกว่าทุกสิ่งในโลกมีทั้งคุณ โทษ และความเป็นกลางอยู่ จึงบริหารสถานการณ์ได้
และทำใจได้ในทุกภาวการณ์
>
> ว่าด้วยความโง่และความฉลาด

> คนโง่ : ชอบคิดว่าตนฉลาดแล้ว จึงดักดานอยู่กับความโง่ของตนตามที่เป็น
> คนฉลาด : ชอบคิดว่าตนโง่ จึงชอบแกล้งโง่ และมักโง่ได้สมปรารถนาในที่สุด
> คนเจ้าปัญญา : ย่อมเห็นความโง่และความฉลาด ที่ซ้อนกันอยู่
และวิธีที่จะยกจิตสู่ปัญญายิ่งๆขึ้นไป จึงค่อยๆ หายโง่ และเลิกฉลาดโดยลำดับ
>
> ว่าด้วยการพูดจา
> คนโง่ : ชอบเถียง เขาจึงได้การทะเลาะ และความบาดหมางแทนความรู้
> คนฉลาด : ชอบถาม เขาจึงได้ความรู้ และมิตรภาพมากกว่าความแตกแยก
> คนเจ้าปัญญา : ชอบเฉยสังเกตลึก เข้าใจสิ่งต่าง
อย่างลึกซึ้งแล้วจึงนำเสนออย่างเหมาะสม
>
> ว่าด้วยการจัดการกับปัญหา
> คนโง่ : พอพบกับปัญหาอะไรก็โวยวาย
ก่อให้เกิดปัญหาทางอารมณ์และความสัมพันธ์อีกหลายชั้น จึงยิ่งเสียหาย......
> คนฉลาด : พอพบปัญหาก็วิเคราะห์ เป็นการใช้ความคิดแก้ปัญหา
จึงมักติดบ่วงความคิด วนไปวนมา......
> คนเจ้าปัญญา : พอพบปัญหาอะไรก็วางก่อน
พอเป็นอิสระมีอำนาจเหนือกว่าปัญหาแล้ว จึงจัดการกับปัญหานั้นอย่างเหนือชั้น.......
>
> ว่าด้วยการบริหารและการปกครอง
> คนโง่ : พยายามบริหารคน จึงวุ่นวายสับสนตามธรรมชาติของคน
> คนฉลาด : พยายามบริหารประโยชน์สัมพันธ์
จึงยุ่งยากซับซ้อนตามปรารถนาอันไม่สิ้นสุด
> คนเจ้าปัญญา : พยายามบริหาระบบธรรม จึงสงบลงตัว ณ จุดพอดี.....
>
> ว่าด้วยความคิด!!!
> คนโง่ : เห็นแต่ความชั่วร้ายของคนอื่น
และโยนความผิดให้ผู้อื่นอยู่เรื่อย เป็นการทำมิตรให้กลายเป็นศัตรู ชีวิตจึงอยู่ในท่ามกลางอันตราย
> คนฉลาด. : เห็นแม้ความชั่วร้ายในตนเอง จึงกล้ายอมรับความจริงและแก้ไขตัว
ทำให้ตนดีขึ้น ทำให้แม้ศัตรูก็ยอมรับได้มากขึ้น
ชีวิตจึงเจริญและผาสุกโดยลำดับ
> คนเจ้าปัญญา : เห็นความชั่วร้ายสากล จึงเข้าใจทุกคนในทุกสถานการณ์
เห็น***ส่วนการบริหารคนที่เหมาะสม โดยไม่ทำร้ายคน
แต่จะทำลายความชั่วสากลให้สิ้นไป จึงสนุกสนานในการบริหารเรื่อยไป......
>
> ว่าด้วยการบริหารธรรม
> คนโง่ : ดูหมิ่นธรรมะ ชีวิตจึงหายนะ
> คนฉลาด : ศึกษาธรรมะ จึงรู้ลึก และดำเนินชีวิตด้วยดี
> คนเจ้าปัญญา : ใช้ธรรมะ จึงดำเนินชีวิตอย่างเหนือชั้น!!.......
>
> ว่าด้วยการทำงาน
> คนโง่ : ทำงานเพื่อเงิน
จึงได้เงินมาอย่างยากเย็นและมักไม่ได้คุณค่าอื่นๆของงาน
> คนฉลาด : ทำงานเพื่องาน จึงได้ผลงานที่ยิ่งใหญ่และได้เงินตามมาโดยง่าย
> คนเจ้าปัญญา :.ทำงานเพื่อหยิบยื่นคุณค่าแก่สังคม
เขาจึงได้ผลงานที่น่าชื่นชม เงิน ชื่อเสียงและมิตรมหาศาลย่อมตามมาเสมอ......
>
> ว่าด้วยการสนองตอบผู้มีพระคุณ
> คนโง่ : เนรคุณผู้มีบุญคุณ จึงไม่มีใครอยากทำดีกับเขาอีก
> คนฉลาด : กตัญญูผู้มีพระคุณ จึงมีคนอยากทำดีกับเขามากมาย
ซึ่งต้องตามชดใช้บุญคุณกันไม่รู้จบ
> คนเจ้าปัญญา : ยกระดับผู้มีบุญคุณให้สูงส่งขึ้น จึงทดแทนบุญคุณกันได้หมด
และผู้มีพระคุณกลายเป็นหนี้บุญคุณ และพร้อมที่จะให้พระคุณที่ยิ่งกว่า
เกิดวงจรการให้ และการรับที่พัฒนาต่อเนื่องทุกฝ่ายจึงได้รับประโยชน์อย่างยิ่ง
>
> ว่าด้วยความเพียร
> คนโง่ : มัวขยันในเรื่องไร้สาระ จึงมักพบปะแต่เรื่องไร้ประโยชน์
แล้วมักตัดพ้อว่า ทำไมทำดีแล้วไม่ได้ดี
> คนฉลาด : มักขยันในเรื่องที่มีคุณมากมีโทษน้อย
จึงได้ประโยชน์มากและมีโทษแทรกบ้าง แล้วมักบ่นว่าอุตส่าระวังอย่างสุดแล้วยังพบเรืองร้ายๆ อีก
> คนเจ้าปัญญา : ขยันทำตนให้เหนือคุณและโทษ จึงบริหารสถาน>
การณ์อย่างอิสระ ไม่ปรากฏเสียงตัดพ้อหรือบ่นว่าอีกต่อไป
>
> ว่าด้วยความจริงจัง
> คนโง่ : เห็นปรากฏการณ์ต่างๆ ในชีวิตเป็นเรื่องจริงจัง จึงเครียดแทบบ้า
> คนฉลาด : เห็นปรากฏการณ์ต่างๆ ในชีวิตเป็นเรื่องเล่นๆ
จึงสนุกสนานจนไร้สาระ
> คนเจ้าปัญญา : เห็นปรากฏการณ์ต่างๆ ในชีวิตเป็นตัวเร่งวิวัฒนาการ
จึงรุ่งเรืองรวดเร็ว
>
> ว่าด้วยความประสบความสำเร็จ
> คนโง่ : รอให้ความสำเร็จมาหา อาจต้องรอหลายชาติกว่าจะพบซักครั้ง
> คนฉลาด : เดินไปหาความสำเร็จ จึงอาจมีโอกาสพบบ้างแม้เหนื่อยยาก
> คนเจ้าปัญญา : ปักหลักสร้างความสำเร็จ หากสร้างความสำเร็จแน่ๆ
และเหนื่อยน้อยกว่า

กุ๊กกิ๊ก วัยโจ๋

กุ๊กกิ๊ก วัยโจ๋
@
" บ้านไม่มีเก้าอี้นั่งหรอ
ทำไมต้องมานั่งในใจเค้าด้วย "



@1 : ฮั ล โ ห ล ล ล
2 : ฮั ล โ ห ล ล ล

1 : นี่ ๆ ถื อ โ ทรศัพท์ คุ ย ข้ า ง ไ ห น อ ยุ่ อ ะ
2 : ข้ า ง ข ว า

1 : ข้ า ง ข ว า เ ห ร อ . . . . . อื ม . . . เ ร า รั ก เ ธ อ น ะ
2 : ......

1 : ไ ห นๆ ล อ ง เ ป ลี่ ย น ข้ า ง คุ ย โ ทรศัพท์ ซิ
2 : อื้ ม. . เ ป ลี่ ย น เ ป็ น ข้ า ง ซ้ า ย ล ะ

1 : เ ร า เ ก ลี ย ด เ ธ อ แ ล้ ว ล ะ
2 : อ้ า ว . . . ไ ม อ ะ เ มื่อ กี้ ยั ง บ อ ก รั ก เ ร า อ ยู่ เ ล ย

1 : ก้ อ เ ร า รั ก เ ธ อ ข้ า ง เ ดี ย ว อ ะ




@นี่ ๆ โ ต ขึ้ น อ ย า ก เ ป็ น อะไร อ่ า
อ๋ อ ๆ อ ย า ก เ ป็ น โ จ ร . . จ ะ ไ ด้ ม า ป ล้ น หัวใจเธอ 5 5


@ถ้าชั้นมีปืนอยู่ 2 กระบอก
ชั้นจะให้เธอไปกระบอกนึง
เราจะได้มี GUN และ GUN



@ตัวเองกินข้าวรึยัง
ยังเลย
ระวังจะเป็นโรคกระเพาะนะ ......กะเพาะรักเธอ



@+++ตัวเองโยนเชือกมาให้หน่อยดิ+++
-+-+ทำไมอ้ะ-+-+
++++ก้เค้าตกหลุมรักตัวเอง...ขึ้นไม่ได้อ้ะ+++



@ตัวเองว่าฟ้ากว้างมั้ย
กว้างสิ
ทำไมเขียนคำว่า+รัก+ที่เค้ามีให้ตัวเองไม่พอล่ะ



@ต อ น นี้ เ ร า กำ ลั ง เ ป็ น โ ร ค ไ ต
" ไ ต ห าหั ว จ า ม "


--------------------



@ผม.เทอๆ
เขา.อาไรหรอ

ผม.ยืมปากกาหน่อยได้มะครับ
เขา.ได้ค่ะ

ผม.กระดาษด้วยได้มะครับ
เขา.ได้ค่ะ

ผม.แล้วเบอร์ด้วยได้มะครับ
เขา.อ๋อได้ค................คะ



@เขา - นี่..ทำไมวันนี้หน้าเธอแปกๆอ่ะ ดูดิๆ หูย~
เรา - (ตกใจ คิดว่าหน้าไปโดนไร เอามือปัดๆใหญ่เลยอ่ะกำ) ทำไมอ๊า มีไรติดหน้าเรา

เขา - โอยแม่คุณ..ปัดยังไม่ออกหรอกแบบนี้อ่ะ
เรา - อ่าว แล้วหน้าเราเป็นอะไรอ่ะ

เขา - ก็..น่ารักไง..



@ญ-เดี๋ยวไป seven เอาไรมั้ย
ช-อือ ซื้อถ่านให้หน่อยนะ เอาแบบแรงๆ

ญ-จะเอาไปทำอะไรอ่ะ
ช-เอาไว้เติมพลัง

ญ-พลังอะไร
ช-พลังในการบอกรักเธอ~


@ผม ผมกำลังจะตายแล้วช่วยไปซื้อของมาให้ผมทีได้ไหมครับ
เธอ เป็นไรอ่ะค่ะ?..ของไรอ่ะ

ผม ช่วยซื้อน้ำมันให้ทีครับ
เธอ ซื้อน้ำมัน จะไปเผาตัวเองหรอไงค่ะ

ผม เปล่าเผาครับ
...คือจะซื้อมาเพื่อหล่อลื่นหัวใจผมให้ไม่หยุดเต้นเมื่อเห็นหน้าเธอไง~


@ใช้ตอนไปเดินที่ห้างแล้วเจอร้านถ่ายรูปนะครับเคยใช้แล้ว

ชาย-นิๆเทอขอดูรูปที่ถ่ายกะแฟนหน่อยจิ
หญิง-อ่า ไม่มีง่ะ

ชาย-หรอ
หญิง-อือ

ชาย-งั้นเราปายถ่ายรูปกานเถอะ



@ช : นี่ๆหันไปทางซ้ายหน่อยสิ
ญ: ทำไมอะ
ช : น่าหันหน่อยสิ

ญ: อะแค่นี้พอยัง

ช : อืมใช้ได้ๆ
ญ: ให้หันทำไมอะ

ช : อยากให้ใจมันตรงกันหน่อยอะ



@ช. นี่ๆๆ เราว่าเธอโดนแล้วนะ
ญ. ทำไมพูดงี้ว่ะ เป็นเชี่ยไร

ช. ก้อโดนเรารักแล้วไง
ญ. บร๊า (แมร่งตกใจหมดเลย นึกว่ารู้ โถ่ สาดดดดดดดดด



@ชักจะหื่นและ



ช. ทำไมวันนี้เรามองเธอเราเจ็บตาจัง
ญ. อ้าว ทำไมเธอมองเราแล้วเจ็บตาล่ะ

ช. ก็เธอสวยเตะตาไง



@น้องนู๋ - ฮัลโหล
หนุ่มๆ - ไม่นอนอีกอ่อ

น้องนู๋ - ((นอนแล้วจะรับเรอะ))ยังอ่ะ แล้วพี่. . .((รูจักชื่อ))

โทรมาไมดึกๆ อ่ะ

หนุ่มๆ - อ่อ. . .มะกี้โทรผิด

น้องนู๋ - อ่ะหรอ

หนุ่มๆ - อื้อ ตอนแรก จะโทรหานางฟ้า พอดี เห็นหน้าเราคล้าย คล้าย
เลยโทรผิด

น้องนู๋ - . . .- -"



@ผม: ฮัลโหลทำรายอยู่
ผู้หญิง: หายจายๆ

ผม: ไม่ทำอย่างอื่นอ่ะ หยุดมาคิดถึงกันซักแปปดิ
ผู้หญิง: ไม่ได้หรอกถ้าคิดถึงเธอแล้วจะหายใจไม่ได้

ผม: ทะมายอะ
ผู้หญิง: เพราะเราคิดถึงเธอทุกลมหายใจเข้าออก


@ชายชราสองคนซึ่งห่างเหินจากเรื่องเซ็กซ์มานานนม แต่ในที่สุดก็ตัดสินใจที่จะขอความสุข

ส่งท้ายให้ตัวเอง จึงตัดสินใจไปเที่ยวสถานบริการแห่งหนึ่ง เมื่อไปถึงก็ต้องพบหน้ากับมา

ม่าซัง พร้อมกับแสดงความจำนงว่า

ช่วยสรรหาอีหนูเอ๊าะมาให้ความสุขแก่ชายชราทั้งสองด้วยเถอะ ค่าป่วยการรับรองจ่ายให้

ไม่มีบิดพริ้ว

มาม่าซัง คิดสะระตะในใจว่า ขืนจัดสาวๆ ให้คงจะเสียเวลาเปล่ ประโยชน์ เพราะอายุปูนนี้

แล้วคงไปได้ไม่กี่น้ำหรอก ว่าแล้วก็จัดหา "ตุ๊กตายาง" 2 ตัว เอาไปไว้ในห้อง 2 ห้อง

เอาผ้าห่มคลุมไว้อย่างดีแล้วบอกให้สองชายชราเข้าไปจัดการ ได้ตามสบาย

หลังจากเสร็จสิ้นภารกิจ ชายชราทั้งสองคนซึ่งได้พบกับความอัศจรรย์ใจจริงๆ ทั้งคู่กลับมา

ถึงบ้านแล้วแลกเปลี่ยน ประสบการณ์ที่ได้ไปประสบมาพร้อมๆ กัน

@คนแรกบอกว่า "กันคิดว่า ผู้หญิงที่มาม่าซังพามาให้กันนั้นนะ ตายแล้วว่ะ

เพราะเธอเล่นไม่กระดุกกระดิกเลย พับผ่าซิ แล้วของแกล่ะเป็นไง"

คนที่สองบอกว่า "กันคิดว่าเธอเป็นแม่มดแน่นอนเลย"

คนแรก "เป็นไปได้ไงวะ"

คนที่สอง "ก็ตอนที่กันกัดที่หน้าอกเธอ เธอก็แฟลหมดลมแล้วก็ลอยหายออกไปทางหน้าต่างเลยล่ะ"


@คาถาบูชาเพื่อน[เอาไว้ท่องก่อนนอน]


รักเพื่อนต้องเอาใจ มันชอบใคร เราชอบด้วย
แม้หน้ามันสุดซวย ต้องว่าหล่อ ต้องว่าสวย ช่วย ยอ มัน
รักเพื่อนต้องให้ลอกการบ้าน อย่ารำคาญ ก็มันไม่เก่ง
ยามมันนั่งร้องเพลง ต้องว่ามันเจ๋ง เดี๋ยวมันงอน
รักเพื่อนต้องหมั่นโทร เซย์ฮัลโหล รายงานตัว
นินทาเขาไปทั่ว จริงๆ มั่วๆ มันชอบฟัง
รักเพื่อนต้องให้ยืมตังค์ มากบ้าง น้อยบ้าง แต่ห้ามทวง
กางเกงตัวสุดหวง ถ้าเพื่อนยืม ต้องให้มัน


รักเพื่อนอย่าขัดใจ มันอยากไปไหน ต้องไปที่นั่น
ถ้าเผลอขัดใจมัน เงินเคยให้ยืมนั้น เดี๋ยวมันอม
รักเพื่อนต้องบูชา วันละ 2 เวลา ต้องกราบไหว้
รูปมันเอาไปขยายใหญ่ แล้วตัดไว้ ใกล้หัวนอน...เอย


@ประโยคแก้เผ็ดหนุ่มหน้าม่อ!!


สาวใดที่มักถูกผู้ชายชีกอก้อร่อก้อติกอยู่เป็นประจำ

ลองเลือกประโยคแสบๆ เหล่านี้ดูสิคะ เลือกเอาไว้ใช้ตีแสกหน้าพวกชี

กอดูให้รู้กันเสียบ้างว่าเกิดเป็นหญิงแท้จริงแล้ว แสบเพียงไหน?


หนุ่มชีกอ: "เราเคยเจอกันมาก่อนรึเปล่าครับ?"

สาวแสบ : "เคยค่ะ เดี๊ยนเป็นพนักงานต้อนรับอยู่ที่คลีนิคกามโรคไงคะ"



หนุ่มชีกอ: "ผมเคยเห็นคุณที่ไหนมาก่อนรึเปล่าเนี่ย?"
สาวแสบ : "คงงั้นมั้งคะ ชั้นถึงไม่เคยไปที่นั่นอีกเลยไง"


หนุ่มชีกอ: "ที่นั่งตรงนี้ว่างมั้ยครับ?"
สาวแสบ : "ว่างค่ะ และที่ของเดี๊ยนก็จะว่างด้วยนะคะถ้าคุณจะนั่งล่ะก็"


หนุ่มชีกอ: "จะไปบ้านคุณหรือบ้านผมดี?"
สาวแสบ : "ทั้งสองหลังเลยดีกว่าค่ะ คุณไปบ้านคุณ ชั้นก็ไปบ้านชั้น"


หนุ่มชีกอ: "ผมอยากโทร.ไปหาคุณจังเลย เบอร์อะไรครับ?"
สาวแสบ : "มันก็อยู่ในสมุดโทรศัพท์ไงคะ"

หนุ่มชีกอ: "แต่ผมไม่รู้จักชื่อคุณนี่?"
สาวแสบ : "นั่นก็อยู่ในสมุดโทรศัพท์เหมือนกันค่ะ"

หนุ่มชีกอ: "งั้นคุณทำมาหากินอะไรครับ?"
สาวแสบ : "เดี๊ยนปลอมตัวเป็นผู้หญิงค่าาาา"


หนุ่มชีกอ: "ผมรู้วิธีที่จะปฏิบัติต่อผู้หญิงหรอกน่า"
สาวแสบ : "งั้นก็กรุณาอย่ามาวุ่นวายกับเดี๊ยนนะคะ"


หนุ่มชีกอ: "ถ้าหากผมได้เห็นคุณเปลือยเปล่า ผมคงตายอย่างมีความสุข
สาวแสบ : "งั้นเชียว แต่ถ้าชั้นได้เห็นคุณล่อนจ้อนนะชั้นคงได้ตายอย่างขำกลิ้งแน่เลย"

หนุ่มชีกอ: "ผมจะยอมทำทุกอย่างเพื่อคุณ"
สาวแสบ : "อุ๊ย ดีค่ะ เราเริ่มกันที่บัญชีธนาคารของคุณเลยเป็นไงคะ"


หนุ่มชีกอ: "ผมอยากถวายตัวให้กับคุณนะ"
สาวแสบ : "เสียใจนะคะ เดี๊ยนไม่รับของขวัญถูกๆ ค่ะ"

สะจัยดีมั๋ยคะสาวเเสบทั้งหลาย ...............


@ธาตุ Woman


ชื่อธาตุ : Woman

สัญลักษณ์ : 0+

ผู้คนพบ : Man

มวลอะตอม : มาตรฐาน 50 กิโลกรัม แต่อาจเปลี่ยนแปลงได้จาก 40 - 80 กิโลกรัม

ลักษณะทั่วไป : คล้ายกันหมดถ้าอยู่ในเมือง

คุณสมบัติทางฟิสิกส์

1. พื้นผิวส่วนนอกเคลือบด้วยสารหอมระเหยและโลชั่นบำรุงผิว

2. เดือดที่อุณหภูมิต่างๆเอาแน่ไม่ได้

3. ถึงจุดเยือกแข็งทันทีทันใดโดยไม่รู้สาเหตุและอาจอยู่ที่จุดเยือกแข็งได้นานเป็นอาทิตย์

4. หลอมละลายถ้าได้รับการเอาอกเอาใจถูกวิธี

5. มีรสเผ็ดและขมถ้าใช้ผิดวิธี

6. แปรเปลี่ยนได้หลายสถานะตั้งแต่แข็งเป็นหิน จนอ่อนปวกเปียกเป็นขี้ผึ้งลนไฟ

7. ไม่ทนต่อการเสียดสีและแรงกระแทกกระทั้น

คุณสมบัติทางเคมี

1. บ้างมีรสเป็นกรด บ้างหวานกว่าน้ามตาล บ้างเปรี้ยวอมหวาน

2. ทำปฏิกริยาอย่างรวดเร็วกับเพชร ทอง ทับทิม ดอกไม้ และสิ่งสวยงามทุกชนิด

3. ดูดซึมข้อมูลข่าวสารรอบตัวได้อย่างมหาศาล

4. อาจระเบิดต่อเนื่องโดยไม่มีการเตือนล่วงหน้า

5. มีคุณสมบัติละลายเงินในกระเป๋าเมื่อเดินผ่านห้างสรรพสินค้า

6. เข้ากันเป็นเนื้อเดียว (compatible) กับผลไม้รสเปรี้ยว ผักสลัด และไม่เข้ากับไขมันทุกชนิด

คุณสมบัติทางชีวะ

ไม่พบข้อมูล

การทดสอบ

1. วัตถุตัวอย่างจะเปลี่ยนเป็นสีชมพูเข้มเมื่อถูกสัมผัส

2. วัตถุตัวอย่างจะเปลี่ยนเป็นสีเขียวเข้มเมื่อวางไว้ใกล้ตัวอย่างที่สวยกว่า

3. วัตถุตัวอย่างเปลี่ยนเป็นส่งเสียงไม่หยุดเมื่ออยู่รวมกันเป็นกลุ่ม

ประโยชน์

1. แบกโลกไว้ครึ่งหนึ่ง

2. ดำรงเผ่าพันธุ์มนุษย์

3. ทำให้โลกสดใส

4. สร้างความอ่อนโยนให้แกโลกมนุษย์

โทษ

ตรงข้ามกับข้อ 3 และ 4

ข้อควรระวัง

1. สัมผัสด้วยความประณีตและให้เกียรติ มิฉะนั้นอาจได้รับอันตราย

2. ครอบครองได้เพียงชิ้นเดียว ใครฝ่าฝืนอาจเกิดอาการ "สามเส้าลึซึ่ม" ทำให้ทุรนทุรายอยากฆ่าตัวตายในที่สุด

@นมแม่..เป็นอันตรายต่อสุขภาพ

ไม่ใช่นมวัว นมควาย แต่เป็นนมคนครับ
ก็นมแม่ที่กระทรวงสาธารณสุข
ภูมิใจนักภูมิใจหนาว่า
นมไหนๆที่ว่าแน่ ก็ไม่สู้นมแม่ นั่นแหละ

..เดี๋ยวนี้เป็นอันตรายต่อสุขภาพแล้วครับ

เรื่องนี้เกิดขึ้นที่อเมริกาโน่นครับ
ทั้งหนังสือพิมพ์และโทรทัศน์ต่างก็ออกข่าว
เรื่องมีอยู่ว่า มีกระทาชายนายหนึ่ง
แกหนีเมียไปเที่ยวสถานเริงรมณ์แห่งหนึ่ง
ที่มีนางกระต่าย ให้บริการเอาใจแขก
นางกระต่ายอกโตนางหนึ่งเอาใจแก
ให้แกนั่งเก้าอี้เอนหลังแล้วหล่อนก็
เปลือยอกเต้นระบำยั่วยวนอยู่ตรงหน้า

ก็ไม่รู้เต้นอีท่าไหน หน้าอกอันใหญ่โตของหล่อน
ก็ไปฟาดถูกเข้ากับหัวของกระทาชายนายนี้เข้า
( หัว ที่หมายถึง ศีรษะนะครับ อย่าคิดมาก )
จนแกหงายหลังผึ่ง ตกเก้าอี้ไป
แกเล่าให้ฟังทีหลังว่า
รู้สึกเหมือนถูกอิฐหนักๆสองก้อน
ฟาดใส่จนเห็นดาวเห็นเดือนเลยหละ

โอ้โห...ถ้าเป็นของจริง เต้าของหล่อนคงจะมหึมา
จนขนาด มรกต ต้องนับถือเป็นพี่แน่ๆ
แต่ถ้าหล่อนไปเสริมมา.....
หมอก็คงเมา เอาก้อนอิฐยัดใส่ให้หล่อนแน่ๆ ( ฮ่า)

กระทาชายนายนี้ แกก็จัดแจงฟ้องศาล
หาว่านมของนางกระต่ายทำให้แกเสียสุขภาพ
ทำให้สลบเหมือด รู้สึกตัวขึ้นมาก็ยังเจ็บหัว
ปวดคอ และปวดอย่างอื่นอีก...

ฮ่า ฮ่า
เชื่อหรือยังครับว่า
นมก็ทำให้เสียสุขภาพได้ (ฮา)

ผู้สื่อข่าวตั้งข้อสังเกตว่า..
ความจริงเรื่องนี้เกิดตั้งสองปีมาแล้ว
แต่พี่แกเพิ่งมาฟ้องเอาตอนนี้
สงสัยแก ค ง เ พิ่ ง จ ะ ห า ย มึ น มั้ ง (ฮ่า)

หรือไม่แกก็คงเป็นโรคความจำเสื่อม
คิดอะไรได้ช้าไปแล้ววววว (ฮ่า)

คิดถึงวงการบ้านการเมืองบ้านเราครับ
ถ้าเกิดฝ่ายรัฐบาลหรือฝ่ายค้าน
แอบดอดไปเชิญตัวหล่อน
มาเป็นที่ปรึกษาละก้อ...
คงจะได้เปรียบอีกฝ่ายแน่ๆ

ฮ่า ฮ่า ถ้าอีกฝ่ายพูดมาก ปากเสีย
ก็ส่งเจ้าหล่อนไปสั่งสอน.....

....นี่แนะ..นี่แนะ...นี่แนะ....

ฮ่า ฮ่า สลบเหมือดหยุดซ่าไปเป็นปีเลยหละะะะะ



@ในวันหนึ่ง มีผู้ชายโทรมาที่บ้าน แล้วมีเด็กรับโทรศัพท์

พูดว่า "แม่อยู่ไหมครับ"

เด็กตอบว่า "อยู่ครับ"

ผู้ชายตอบว่า "เหรอ ขอสายแม่หน่อย"

เด็กตอบว่า "แม่นอนอยู่กับผู้ชายคนหนึ่งอยู่ครับ"

ผู้ชายตอบว่า "เหรอ ลูก ฟังแล้วทำตามนะ ลูกไปเอาขวานหลังบ้าน

แล้วไปจามที่หัวของแม่ กับชายชู้นั่นซะนะ"

เด็กตอบว่า "ครับพ่อ" จากนั้นเด็กก็ทำตามคำสั่ง แล้วมาคุยโทรศัพท์ต่อ "

แล้วไงอีกครับ " ผู้ชายพูดว่า " จากนั้นก็ให้เอาศพแม่ไปทิ้งที่สระน้ำด่วน"

เด็กตอบว่า " พ่อครับบ้านเราไม่มีสระว่ายน้ำนี่ครับ " ผู้ชายตอบว่า " ขอโทษครับสงสัยต่อผิด "



@ลามกนิดหน่อย อย่าคิดมากนะคับป๋ม

มีตายายคู่หนึ่งจะไปโอนที่ดินให้กับลูกชาย แต่วันนี้ตาไม่สบาย ยายเลยไปที่อำเภอคนเดียว

ปลัดอำเภอก็ถามยายว่า ยายมาทำอะไรเหรอ ยายตอบว่า ข้ามาโอนที่ดินให้ลูกชายมันนะท่านปลัด

ปลัดอำเภอบอกว่า แล้วยายมีสามีหรือเปล่า ยายตอบว่ามี พอดีวันนี้ตาแกไม่สบายเลยมาไม่ได้

ปลัดอำเภอบอกว่า งั้นยายมาพรุ่งนี้ละกันให้ไปเอาสามีมาด้วยจะได้เซ็นต์ทีเดียว

ยายก้อกลับบ้าน วันรุ่งขึ้นยายก็มาที่อำเภออีก แต่มาคนเดียว ปลัดอำเภอก็ถาม

เอ้ายายทำไมมาคนเดียว ทำไมไม่เอาคุณตามาด้วยละ

ยายตอบว่า โอ๊ย ตานะมันนอนหมดแรงอยู่ที่บ้าน

เมื่อคืนนะยายเอาไปตั้งหลายที ปลัด

@สมควรได้ A แร้ว

นักศึกษาคนหนึ่งต้องทำรายงานส่งอาจารย์แต่ด้วยมัวไปเที่ยวไปเที่ยวเพลิน

จึงไม่มีเวลาทำ เขาจึงไปห้องสมุดและแอบเอารายงานฉบับเก่าๆ มาลอกโดย

เลือกเล่มที่เก่าๆ ที่ได้เกรด C อาจารย์จะได้จำไม่ได้ เขาจัดพิมพ์ใหม่

และส่งได้ทันเวลา พอถึงวันประกาศคะแนนปรากฏว่านักเรียนคนนั้นได้ A

แถมในรายงานยังมีรายมืออาจารย์อีกว่า

“ ฉันเคยทำรายงานเล่มนี้เมี่อ 10 ปีที่แล้ว ตอนนั้นฉันคิดว่าสมควรได้ A

แต่ก็ได้แค่ C ตอนนี้ฉันคิดว่ามันถึงเวลาแล้ว


@เรื่องมันมีอยู่ว่า....

ผมกับแฟนคบกันมาหลายปีแล้ว
แล้วเราก็ตัดสินใจแต่งงานกัน
พ่อแม่ผมช่วยงานนี้อย่างเต็มที่ รวมทั้งเพื่อนๆ
และแฟนของผมด้วย
ราวกับฝันไป ....

แต่มีสิ่งหนึ่งที่ทำให้ผมไม่เคยสบายใจเลย
ก็คือว่าที่แม่ยายของผม
เธอเป็นผู้หญิงที่ดูดี สวย และเซ็กซี่
มักจะเล่นหูเล่นตากับผมเสมอ
มันทำให้ผมรู้สึกไม่สบายใจ

วันหนึ่ง เธอเรียกผมไปหา..
เพื่อที่จะเช็คความเรียบร้อยของรายชื่อ
แขกที่จะเชิญมาร่วมงานแต่งงาน
เมื่อผมไปถึง เธออยู่ในบ้านคนเดียว
เธอกระซิบบอกผมว่า...
แม้ผมกำลังจะแต่งงานแล้ว
แต่เธอรู้สึกปรารถนาในตัวผม เธออยากจะมีอะไรกับผม

ผมควรจะพูดอย่างไรดี ผมช็อคมาก
เธอพูดว่า เธอจะเข้าไปรอในห้องนอนก่อน
ถ้าผมพร้อมแล้วให้ตามเข้าไป
ผมมองตามแผ่นหลังของเธอยามก้าวขึ้นบันได
มันช่างเย้ายวนนัก ผมยืนอยู่ที่นั่นสักครู่
จึงตัดสินใจกลับหลังหันเดินออกไปยังประตูหน้าบ้าน

เมื่อผมเปิดประตูและเดินออกมา
สามีของเธอ (หรือคือว่าที่พ่อตาของผม)
ยืนอยู่ข้างนอก น้ำตาคลอเบ้า เขาเข้ามากอดผม
แล้วบอกกับผมว่า เขาดีใจมาก ผมผ่านการทดสอบ
เขาสามารถหาผู้ชายที่ดีให้กับลูกสาวของเขาได้ และ

" ยินดีต้อนรับผมเป็นครอบครัวเดียวกัน "

เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
"ควรเก็บถุงยางไว้ในรถยนต์ของคุณเสมอ"

@ Men In Love? รู้รึยังโตขึ้นจะเรียนคณะอะไรกัน?
เภสัช : เเค่ก ...เเค่ก .... ขอยาให้ผมหน่อยย ผมมีอาการ ไอ .... เลิฟ ยู
พยาบาล : หน้าที่ของผมคือเยียวยา พอรักษาหายเธอก็จากไป
สัตวะ : Love me, Love my dog
จิตวิทยา : สะกดจิตเป็นเรื่องง่าย สะกดใจเป็นเรื่องยาก
นิเทศ : อกหักไม่ใช้เรื่องใหญ่ ยังเล่นใหม่ได้อีกหลายเทค
นิติ : โธ่เอ๊ย .... ความรักนี่ช่างไม่ยุติธรรมเลย
บัญชี : คำนวณตัวเลขอาจใช้เวลาเพียงเสี้ยวนาที เเต่คำนวณใจเธอนั้นต้องใช้เวลาเป็นปี
รัฐศาสตร์ : หนุ่มรัฐศาสตร์ขอบอกเธอว่า รัก....สาด....สาด
ครุศาสตร์ : ผมสามารถสอนคุณได้ทุกอย่าง เเต่มีเรื่องเดียวที่อยากให้คุณสอนผอัการ
อักษร : หว่ออ้ายหนี่ ติอาโม เฌอเเตม ไอเลิฟยู รักหลายเด้อ
เศรษฐศาสตร์ : ได้ใจเธอคือกำไร เธอไม่สนใจคือเท่าทุน
วิทยาคอม :โครงการพัฒนา software Heartdisk ของเธอมีกี่ "กิ๊ก" ส่งใจไปเท่าไหร่ก็ไม่เต็มเสียที
เเพทย์ : บุหรี่ผมก็ไม่สูบ สุขภาพก็ดูเเลดี เเต่พอเจอเธอทุกที ... มีอาการโรคปอดขึ้นทันใด
วิทยา : ความรักไม่มีสูตรตายตัว
ศิลปกรรม : ปั้นเท่าไหร่ก็ไม่เหมือนเพราะเธอน่ารักขึ้นทุกวัน
วิทย์กีฬา : ร่างกายเเข็งเเรง เเต่หัวใจอ่อนแอ
สหเวช : ไม่รู้ว่าเครื่องเอกซเรย์เสียรึปล่าว เพราะเอกเรย์ลงไปก็เจอเเต่หน้าเธอ
สถาปัตย์ : " รักออกเเบบไม่ได้ "
ทันตะ : ถ้าตรวจฟันผมคงเจอเเมงกินฟัน ถ้าตรวจหัวใจผมคงเจอเธอกินใจ
วิศวะ : คณะเราผู้ชายมันเยอะนี่หว่า ... ดูไปดูมามานก็น่ารักดีนะ ?????


@ขำขันจ๋าจ๊ะ 1 (สาวๆ อย่าเข้ามาอ่านเล้ยยย), ทะลึ้งวันละนิด จิตแจ๋มใส (แหะๆ)

เถ้าแก่และลูกสาวสุดสวยอาชีพขายผัก และทุกๆวันเถ้าแก่จะเห็นลูกสาวถือแตงกวา

ขึ้นไปบนห้องนอนจึงสงสัยและไปแอบดูจึงรู้ว่าลุกสาวเอาแตงกวาไปช่วยตัวเอง

พอรุ่งเช้าเถ้าแก่ก็เก็บแตงกวาเข้าบ้านไม่ขายให้ลูกค้า ลูกสาวสงสัยจึงถามว่า

ทำไมไม่ขายแตงกวา เถ้าจึงตอบลูกสาวด้วยท่าทางโมโหว่า

" ลื้อจะให้ชาวบ้านเขาตราหน้าว่าอั๊วขายลูกเขยกินงั้นเหรออีหมวย "



@มีคุณแม่คนหนึ่งต้องการสอนลูกชายไม่ให้ข้องเกี่ยวกับเรื่องลามกต่างๆ จึงบอกลูกว่า
ถ้าพบเห็นให้ลูกรีบหนีให้ไกล ไม่อย่างนั้นจะถูกสาปเป็นหิน อยู่มาวันหนึ่ง เพื่อนๆ ลูก
ก็ชวนกันไปดูหนังโป๊ ดูไปยังไม่ทันจบเรื่อง เด็กชายก็วิ่งหนีออกมานอกโรงหนัง
เพื่อนจึงถามว่าหนีทำไม
"แม่กูบอกว่าเห็นแล้วจะกลายเป็นหิน"
"แล้วมึงเชื่อเหรอ"
"ก็ไอ้นั่นของกูแข็งเป็นหินอยู่นี่ ถ้าดูจนจบต้องเป็นรูปปั้นแน่ๆ


@วันนึ่งมีพ่อแม่คู่นึ่งกับลูกชาย1คนแล้วพ่อแม่คู่นี้อยากมีลูกอีกคนจึงนัดกันไว้ว่าจะมีอะไรกันคืนนี้

โดยปกติพ่อแม่คู่นี้จะให้ลูชายของเขาเข้านอนเวลา3ทุ่ม แต่วันนี้พ่อบอกว่า
พ่อ:"อะลูก คืนเนี่ยลูกจะดูอะไรก็ดูไปนะพ่อ่ไม่ว่า"
เด็กก็สงสัยว่า เอ๊ะวันนี้ทำไมพ่อถึงให้เรานอนดึก ถึงเวลาพอดึกๆ เด็กก็แอบเดินไปหน้าห้องพ่อกับแม่
แล้วเอาหูแอบฟังข้างประตู แล้วได้ยินมาว่า (ทั้ง2คนพ่อแม่พูดกันอยู่)

"แม่นั้นละถอดก่อน พ่อนั้นละถอดก่อน แม่นั้นละถอดก่อน"
สุดท้ายพ่อก็ยอมถอดก่อนแล้วแม่ก็พูดว่า

แม่:"โอ้โหของพ่อใหญ่เท่าตอร์ปิโดเลย" แล้วแม่ก็ถอด พ่อก็บอกว่า
พ่อ:"โอ้โห ของแม่ใหญ่เท่าเกาะเสม็ดเลย" แล้วทั้งคู่ก็ทำ...ระหว่างที่ปฏิบัติภารกิจ

ลูกชายของเขาก็แอบดูอยู่ด้วย โดยทำหน้าแบบว่า โอ้โหอู้หู แล้วพอเช้ารุ่งขึ้น
พ่อก็ถามลูกว่า พ่อ:"อ่าวลูก เมื่อคืนลูกดูหนังเรื่องอะไรละลูก"
ลูกก็ตอบด้วยหน้ายิ้มแย้มว่า ลูก:"อ๋อ เรื่องตอร์ปิโดถล่มเกาะเสม็ดครับ!"

@มีผู้ชายคนหนึ่ง นอนอยู่ริมชายหาดไม่สวมอะไรซักอย่างอยู่คนเดียว แล้วก็เอาหนังสือปิดไว้

พอดีมีเด็กผู้หญิงคนหนึ่งเดินผ่านมา เดินเข้ามาถามผู้ชายคนนั้นว่า
"น้าคะ น้าคะ ไอ้ตรงที่หนังสือปิดอยู่มันคืออะไรคะ"
พอเด็กผู้หญิงคนนั้นถามเสร็จ ผู้ชายคนนั้นก็ตอบว่า "อ้อ มีนกเขาอยู่ในนี้"
เด็กหญิงก็พยักหน้าแล้วก็เดินไป ผ่านไป 15 นาทีชายคนนั้นได้งีบอยู่ครู่หนึ่ง
พอตื่นมาอีกทีเขาก็อยู่โรงพยาบาล หมอบอกเขาว่า "เสียใจด้วยครับ ผมไม่สามารถต่อให้คุณได้"
ชายคนนั้นก็นึกว่าต้องเป็นเด็กคนนั้นแน่ๆจึงแจ้งตำรวจเพื่อให้จับเด็กหญิงคนนั้นมาสอบสวน

เด็กหญิงคนนั้นตอบว่า
"น้าเขาบอกว่าเป็นนกเขา หนูก็เลยมาเขย่ามันเล่น แล้วมันก็ถ่มน้ำลายใส่หนู หนูก็เลยหักคอมัน
ทุบไข่มัน แล้วก็เผารังมัน"

@ณโรงเรียนอนุบาลแห่งหนึ่ง ที่ห้องอนุบาล2/3 คุณครูใด้สอนถึงเรื่องราวของใข่นานาชนิด

และใด้มีเด็กชายคนหนึ่งใด้เกิดสงสัยเกี่ยวกับใข่จึงถามคุณครู
ด.ช...ครูครับใข่ไก่ทำใมถึงเรียกว่าใข่ไก่ครับ
ครู..อ๋อก้อมันเป็นใข่ของไก่งัยเขาจึงเรียกว่าใข่ไก่

ด.ช..เหรอครับแล้วใข่เต่าล่ะทำใมถึงเรียกว่าใข่เต่าครับ
ครู..ก้อเหมือนกันแหละเพราะว่าเต่ามันใข่ออกมาเขาก้อเลยเรียกว่าใข่เต่า

ด.ช..อ้าวแล้วทำใมใข่คนเขาเรียกว่ากะโป/ล่ะครับ ครู......

@มีครอบครัวหนึ่งมีพ่อแม่ลูกอยู่กันสามคน พอดีลูกอยู่ในวัยที่กำลังหัดเรียนรู้และก็ชั่งพูดพอดี
และทุกวันเวลานอนลูกก็จะต้องฉี่รดที่นอนทุกที่และผู้เป็นพ่อก็จะบ่นกับแม่อยู่เลย
วันนึงจึงบอกว่าอย่างนี้เราต้องหัดให้ลูกตื่นมาฉี่ตอนกลางคืนแล้วนะจาได้ไม่ฉี่รดที่นอน
แม่ก็เห็นด้วย จึงได้เริ่มสอนลูกให้หัดตื่นขึ้นมาฉี่พอถึงเวลากลางดึกแม่ก็ได้ปลุกลูกแล้วบอกว่า
ลูกถอดกางเกงสะแล้วก็ฉี่สะให้เรียบร้อยเจ้าลูกก็ทำตามแล้วก็หัดทุกวันทุกวันจนสำเร็จลูกตื่นมาฉี่เองได้

แต่มีอยู่วันนึง พ่อกะแม่เขาก็กำ...อะไรกันอยู่นั้นพอดีถึงเวลาเจ้าลูกตื่นขึ้นมาฉี่พอดีลูกตื่นขึ้นมาได้ก็เห็น
พ่อถอดกางเกงอยู่ แต่แม่นั้นห่มผ้าทันจึง

ลูกเอ่ยขึ้นว่า "พ่อๆ พ่อปวดฉี่เหรอหะทำไมถึงได้ถอดกางเกงเวลานอนอะ ครับ "
พ่อตอบว่า "พอดีแม่เขาหัดให้พ่อฉี่อยู่อะลูก"

ลูก

@มียายคนหนึ่งเดินขึ้นมาบนรถเมย์คันหนึ่ง เขาถือชลอมลำไยมาเต็มมือเขาได้ขึ้นมานั้งด้านหลังแล้วทันใด

นั้นรถก็เบรกกระทันหันทำให้ชลอมลำไยกลิ้งจนลูกลำไยเกลื่อนกลาดเต็มรถ ยายนืกเสีขดายจืงเที่ยว
เก็บลำไยที่กระจายเต็มรถ ยายคนนั้นก้มหน้าก้มตาเก็บลำไยไปเรื่อยจนถึงที่นั่งพระองค์หนึ่ง
เขาได้ล้วงเข้าไปในจีวรพระองค์นั้น โดยนึกว่าเป็นลำไย ยายอุทานขึ้นว่า
"ลำไยกะโหลกหายไปไหนหมดวะ "
แล้วพระองค์นั้นตอบด้วยน้ำเสียงเจ็บๆว่า
"ไม่ใช่ลำไยกระโหลก แต่นี้กระโปกอาตมา"

@มีหญิงคนหนึ่ง นั่งรถเมล์กลับบ้าน เธอปวดอึอย่างรุนแรง เธอจึงลงจากรถเมล์เพื่อที่จะอึในป่าละเมาะ

ขณะเดียวกันก็มีชายคนหนึ่ง เขาหิวบุหรี่มาก เขาก็ยื่นหัวออกจากรถเมล์เพื่อจะจุดบุหรี่สูบ
พอดีก็มีนกบินมาแล้วก็อึไส่บุหรี่ของเขา เขาจึงลงจากรถเมล์เพื่อจะหาซื้อบุหรี่

เขาก็ลงจากรถแมล์ป้ายเดียวกับหญิงสาวคนั้น เขามองไปทางใหนก็ไม่มีร้านค้าเลย

เขาโมโหมาก จึงตะโกนว่า "เอามันทั้งขี้นี่แหละวะ"
หญิงสาวได้ยินดังนั้นก็ตกใจมาก จึงพูดว่า

"ให้หนูสุดก่อนเถอพี่"

@คุณแม่ของเด็กหญิงวัย 4 ขวบจนปัญญาเต็มที่ จึงพูดขึ้นว่า "ถ้าหนูยังขืนดูดนิ้วหัวแม่มือละก้อ
หนูจะตัวพองเหมือนลูกโป่ง"
วันรุ่งขึ้น ลูกไปงานสังสรรค์เล็กๆ แห่งหนึ่ง ในบรรดาแขกเหรื่อที่มา มีหญิงตั้งครรภ์จนเห็นได้ชัด
แล้วคนหนึ่ง เด็กน้อยเห็นผู้หญิงผู้นั้นแล้วอดรนทนไม่ได้ เดินรี่ไปหาหญิงที่กำลังจะเป็นแม่ แล้วพูดขึ้นว่า
"หนูรู้นะว่าน้าไปทำอะไรมา"

@ (สนามบินดอนเมือง) ตำรวจตรวจคนเขาเมืองสัมภาษณ์นักท่องเที่ยวชาวอาหรับ

ตำรวจ -ชื่ออะไร
อาหรับ-อาลี บิลอาซีล

ตำรวจ-เพศ (sex)
อาหรับ-อาทิตย์ละ 2 ครั้ง

ตำรวจ-เพศชายหรือเพศหญิง
อาหรับ-ได้ทุกเพศ กับอูฐก็ยังเคย

@มีชายคนหนึ่งมาเที่ยวเมืองจีนแล้วหลงเข้าไปไหนป่าหลายสัปดากินก็กินผลไม้นอนก็นอนตามถ่ำ
แล้วมีวันหนึ่งเขาได้มาเจอบ้านกลางป่าเลยเข้าไปขอความช่วยเหลือก็เคาะปะตูแล้วรอพักหนึ่ง
ก็มีชายแก่ออกมาแล้วชายหนุ่มคนนั้นก็บอกว่าเขาหลงป่าผมจาขออาศัย และขอแบ่งปั้นอาหาร
จากท่านจาได้ไหมชายแก่ก็บอกว่าได้แต่มีขอแม้ห้ามยุ่งกับหลานสาวแก่เด็ดขาดไม่งั้นจาโดน
วิธีทรมาร3อย่างของจีนชายหนุ่มคนนั้นก็รีบตกลงทันทีพอตกเย็นชายแก่ก็เชิญชายหนุ่มคนนั้น
มากินข้าวด้วยกันพอชายหนุ่มได้เห็นหลายสาวก็กินข้าวกินปลาไม่ลงเลยได้แต่มองหน้ากัน
พอตกดึกชายหนุ่มก็บอกว่าเป็นไงเป็นกันว่ะจาทรมารแค่ไหนว่ะเลยย่องไปหาหลานสาว
และเล่นกันสะหลายดอกและพอเสร็จชายหนุ่มก็กลับห้องพอตืนมาก็มีก้อนหินหนัก 50 กก
ว่างอยุ่บนหน้าอกของเขานั้นชายหนุ่มก็พูดว่าเนี้ยหลอวีธีทรมารงี่เง้าเลยโยนก้อนหินออกนอกหน้าต่าง
พอโยนหินออกไปแล้วแงะมาเห็นกะดาษ
วิธีที่สองไข่ข้างขวาพูดติดกับก้อนหินชายหนุ่มเลยโดดตามก้อนหินไปแล้วมีกะดาษอีใบ
วิธีที่3ไข่ข้างซ้ายพูดติดกับขาเตียง

@คำว่า"ตด"นั้น มันเป็นคำสุภาพ แต่ส่วนมากเขาไม่นิยมพูดกัน เพราะพูดถึงทีไร
มันก็จะมาพร้อมกับกลิ่นทุกที มีคนให้คำนิยาม ของตดใว้มากมาย เช่น
" แรงขับ ขยับขี้" แต่ส่วนมาก ตด มักจะออกก่อนขี้ หรือออกมาพร้อมกัน
แล้วแต่ว่าคนนั้น จะถนัดแบบไหน แล้วยังมีพวกสัปดนที่ชอบ แกล้งเพื่อนๆ
เมื่อเวลาจะตด มักจะหลอกให้ไปดู อะไรๆใกล้ๆตูด พอได้ทีก็ปล่อยพรวดเลย
"มันช่างน่าเจ็บใจนัก" ไม่รู้จะแก้แค้นยังไงดี ได้แต่ภาวนาว่า "ขอให้ขี้มันออกมาด้วยเถอะ.....

@ธรรมกับวินัย ปรึกษาเรื่อง ปัญหาหัวใจ ซึ่งวินัยมีปัญหาอยู่.... ธรรม:เอ็งจะคิดมากทำไม
เรื่องแบบนี้ อีกอย่าง เขาก็เป็นน้องนุ่ง วินัย:เออ...ถ้าน้องนุ่ง กูไม่คิดหรอก..แต่นี่น้องไม่นุ่ง(ใครจะทนได้)


@ผู้ชายคนหนึ่งเข้าไปลองกางเกงตัวใหม่เเต่เอ๊ะ!!!เขาลืมใส่กางเกงในมา.....
เจ้าของร้านเข้ามาถามว่าใส่ได้รึเปล่า...ผู้ชายคนนั้นบอกว่ารูดซิบไม่ได้เจ้าของร้านเลยรูดให้
เเล้วก็ต้องตกใจเเล้วบอกว่าที่รัก คุณเป็นอะไรหรือเปล่า เขาก็งงเเป็ปนึงเเล้วเจ้าของร้าน
ก็เห้นขนหลุดออกมาเจ้าของร้านก็นึกว่าเป็นด้ายเลยดึงออกมา!!!! เขาร้องด้วยความเจ็บปวด
โอ้พระเจ้าจอร์จคุณยอดมากเขากล่าวกับเจ้าของร้าน

@ผัวเมียคู่หนึ่งเพิ่งแต่งงานกันใหม่ จะทำอะไรกันก็รู้สึกขัดเขินมาก จึงตกลงกันว่า

ถ้าใครมีความต้องการจะมีอะไรกันให้ใช้คำว่า "ซักผ้า" และถ้าวันไหนทำอะไรกันไม่ได้ให้ใช้คำว่า
"เครื่องเสีย" เป็นที่เข้าใจกัน พอถึงเวลาค่ำสองผัวเมียก็เข้านอน ความต้องการอย่างว่าก็บังเกิดขึ้น
ผัวจึงชวนเมียทันที "น้องจ๋า..ซักผ้ากันเถอะ" และแล้วทั้งสองก็ลงมือบรรเลงเพลงแห่งความสุขกันทันที
เป็นอยู่อย่างนี้ทุกคืนเพราะข้าวใหม่ปลามัน และแล้ว..วันนั้นของเมียก็มาถึง(ประจำเดือน)
พอค่ำลงเข้านอนผัวก็ชวนเมีย "ซักผ้า" เหมือนเดิม เมียจึงบอกผัวไปว่า ซักไม่ได้หรอก "เครื่องเสีย"
ผัวจึงต้องนอนหงุดหงิดอยู่สามสี่วันจนทนไม่ไหว จึงจัดการกับตัวเองไปเรียบร้อย จนถึงเวลานอนวันนี้
เมียพร้อมเต็มที่ก็เข้านอนกันตามปกติ ฝ่ายผัวก็นอนเฉยไม่ยอมสะกิดชวนเมียอย่างว่า
เมียอดรนทนไม่ไหวจึงชวนผัวทันที "พี่..พี่..ซักผ้ากันเถอะ" ฝ่ายผัวนั้นโมโหหงุดหงิดมาหลายวัน
จึงตะคอกออกไปว่า "ซักเซิกอะไรกัน ฉันซักด้วยมือไปเรียบร้อยแล้ว" ฮา.

@บางรูคับ บางรูหลวม
เกิดเป็นชาย ชาตรี นี้ลำบาก หารูยาก ที่พอเหมาะ ไว้เจาะแหย่
เจอรูหลวม ก็กลัวหลุด ระวังแจ เจอรูคับ ลำบากแย่ แหย่ยากจัง
แหย่รูเล็ก มันคับไป แหย่ไม่คล่อง แหย่รูสอง ยังแน่นไป ใจแทบคลั่ง
แหย่รูสาม ก็น่าเบื่อ เหลือกำลัง แหย่รูสี่ ยิ่งผิดหวัง หลวมเกินไป
รูหนึ่งสอง คับเกินไป ไม่ได้ที่ รูสามสี่ ก็ยิ่งหลวม ยามสวมใส่
ลองหลายรู ไม่เคยมัน ชักหวั่นใจ
ต้องซื้อใหม่ เข็มขัดที่.... พอดีเอว



@มีหญิงสาว กับชายหนุ่ม อยู่ในห้อง สองต่อสอง
ชายจับแท่ง แกว่งให้สั่น ชายสั่งหญิง ให้อม ในปากพลัน
หญิงดื้อรั้น ชายเร่งเร้า ด้วยอารมณ์ จับโคนไว้
เอาปลายแหย่ ให้เข้าปาก หญิงกระดาก หุบปากนิ่ง
เอาหน้าก้ม ชายก็บ่น เหตุผลใด ถึงไม่อม ต้องขู่ข่ม
ให้หายดื้อ กันหรือไร พูดดีดี ก็ไม่ฟัง ต้องบังคับ
เอามือจับ ปากให้อ้า คว้าแท่งใส่ ใช้ปากอม
เธอไม่เคย เลยหรือไง นี่ปรอท...วัดไข้ หมอให้อม

เหอๆ ผมรู้ทันเลย ตอนอ่านคิดว่าผมทะลึ่งอะดิ๊ ตอนนี้รู้แล้วดิ
ตัวเองนั่นหล่ะที่คิดมาก

@มารยาหญิง 100 เล่มเกวียน, Episode One
-เปิดขวดโค้กลิตรไม่ไหว ทั้งที่ความจริงพวกเธอเคยหักคอ หมูป่าด้วยมือเปล่ามาแล้ว
-2. "ตอนเย็นซื้อกับข้าวมาด้วยนะ" แปลว่า เลิกงานห้ามไถลไปไหน ฉันรอกินอาหารอยู่
-3. พูดไปฟังไปแล้วชอบตีแขนผู้ชายบ่อย ๆ ประมาณว่า บ้า พูดอะไรไม่รู้ตัวเอง
-4. ทะเลาะกับแม่มาอีกแล้ว คือจะเรียกร้องความสนใจอีกแล้วครับพี่น้อง
-5.หัวเราะตลอดเวลา ไม่รู้ว่าผู้ชายจะพูดอะไรทำอะไรก็ตาม เห็นเป็น ขำซะเหลือเกิน
-6. ใส่เสื้อคอกว้าง คว้านลึกถึงสะดือ
-7. ชอบพูดอะไรเปรย ๆ ให้ฟังบ่อย ๆ ว่าคุณเธอกำลังจะเลิกกับแฟนคนเก่า
-8. เลิกคิ้ว ทำตาโต เอนตัวมาข้างหน้า ทำเป็นใสซื่อ สนใจฟังผู้ชายพูด อย่างกับกลัวว่าจะออกสอบ
-9. กินเผ็ดไม่ได้ อย่ามาเสแสร้างทำเป็นลิ้นบาง ควายทั้งตัวพวกเธอยังเลียมาแล้ว .... wow
-10. แพ้ยกทรง ใส่แล้วผื่นขึ้น ไม่เชื่อพี่ดูนมหนูซิ !!!
-11. นั่งจิกตามองผู้ชาย พอเราหันไปเจอ ก็ทำเป็นหลบตา แต่ไม่วายช้อนตาขึ้นมามอง ทำขวยเขิน
-12. คันหลัง เกาไม่ถึง ช่วยเกาให้หน่อยซิ
-13. ใส่กางเกงเอวต่ำสุด ๆ นั่งยอง ๆ เห็นกางเกงใน ขอบย้วยโผล่มาครึ่งตัว นึกว่า กางเกงบอล .... แป่ว
-14. ชอบมาสายกว่า เวลานัดนิดนึง อยากให้เรารอ จะได้เห็นตอนเธอสวยเดินเข้ามา
-15. ไม่กอดอกเวลาพูดคุย พยายามวางมือไว้ในที่โล่ง ล่อเราตลอดเวลา อย่าติดกับไปจับเข้าหล่ะ ....
-16. เพราะเธอจะดึงมือตัวเองหนีมือเรา เบา ๆ พร้อมรอยยิ้มหวาน แต่ในใจเธอ "เสร็จกูล่ะมึง"
-17. แกล้งเล่นตัวไม่รับโทรศัพท์ พยายามจะให้เรากระวนกระวายใจ
-18. เสยผมบ่อย ๆ ต่อหน้าเรา เพราะรู้ว่า เราเคยอ่านเจอว่านั่นเป็นการแสดงความสนใจ
-19. ชอบลองเครื่องประดับที่ร้าน แล้วถามเราว่า "สวยมั๊ย" บอกเป็นนัย ๆ ให้รู้ว่า ชอบนะ ซื้อให้หน่อย
-20. ใส่น้ำหอมที่หลังหูเวลาไปเที่ยวกลางคืนใครพูดอะไรแกล้งไม่ได้ยิน เอียงหูให้เขามาพูดใกล้ ๆ
-21. หาเรื่องถามทาง ไปไหนไม่รู้ กลับไม่ถูก
-22. ชวนถ่ายสติกเกอร์ภาพคู่ แล้วแกล้งคิกขุ แปะไว้ตามโทรศัพท์มือถือ หรือพวงมาลัยรถของผู้ชาย
-23. ปัดเศษฝุ่นที่ติดอยู่ตามเสื้อ ให้รู้ว่า "ชั้นใส่ใจเธอนะ"
-24. โทรเช็คพิกัดอยู่บ่อย ๆ แต่อ้างว่า "คิดถึงอ่ะ"
-25. ถึงไม่รัก ไม่สนใจ แต่ก็ส่งแมจเสจมาทิ้งเชื้อเอาไว้เนืองๆ เพื่อบริหารเสน่ห์
-26. อัดเพลง คัดเลือก ความหมายใกล้ตัว ให้ผู้ชายเป็นของขวัญ
-27 ทำตัวเศร้าสร้อยเมื่อเราสนุกกับเพื่อ แล้วลืมสนใจหล่อนไปแค่อึดใจเดียว
-28. ทำหวานเมื่อเราโกรธ ทำโทษเมื่อเราผิด ทำหงุดหงิดเมื่อเราตามใจ
-29. "พี่คิดยังไงกับหนู" ประโยคเด็ดที่ผู้ชายต้องเจอทุกคน ระหว่างกำลังจะเข้าด้ายเข้าเข็ม
-30. "พี่ทำไมทำแบบนี้" ประโยคน็อคที่พวกหล่อนต้องพูด หลังจากเก็บเข็มเก็บด้ายเข้าที่แล้ว
-31. " พี่ไม่รู้ .... พี่เมา" !!!!!!


ออน

สถานที่อาบอบนวดส่วนใหญ่

จะแบ่งออกเป็นสามส่วนส่วนแรกเปรียบเสมือนห้องรับแขกตกแต่งสวยงาม ที่ได้ระดับจริง ๆเหมือนกับล๊อบบี้ของโรงแรมชั้น ๆ เลยที่เดียวส่วนประกอบที่สำคัญคือตู้กระจกตู้นี้ส่วนใหญ่จะเข้าใจว่าเป็นกระจกด้านเดียวหมอนวดมองไม่เห็นแขกซึ่งไม่เป็นความจริง ในตู้นี้จะมี "หมอนวด"แต่งตัวสวยงามนั่งรอให้แขกเลือก ส่วนใหญ่จะเป็นชุดวับ ๆ แวม ๆบางแห่งที่มีระดับหน่อย หมอนวดจะแต่งตัวมิดชิด คล้าย ๆ กับสาว ๆที่ทำงานอ๊อฟฟิส ใส่ถุงน่องรองเท้าเรียบร้อย ได้อามรณ์ไปอีกแบบเครื่องแต่งตัวของหมอนวดก็แล้วแต่สถานที่บางแห่งมีการเปลี่ยนไปตามเทศกาล เช่นช่วงหน้าร้อนจะกำหนดให้ หมอนวดทุกคนใส่ชุดว่ายน้ำหรือบางแห่งกำหนดให้หมอนวดใช่เฉพาะชุดชั้นในก็มีในตู้จะมีโทรทัศน์ไว้ให้หมอนวดดูแก้เซ็งขณะรอแขกการตั้งโทรทัศน์ไว้ในตู้นั้นมีอีกเหตุผลหนึ่งคือให้แขกได้เห็นอริยาบทต่าง ของหมอนวดจะสังเกตุได้ว่าหมอนวดที่ดูโทรทัศน์อยู่ในตู้จะหัวเราะได้ง่ายกว่าปกติโดยเฉพาะเมื่อมีแขกยืนอยู่หน้า>ตู้บริเวณหน้าตู้จะมีพนักงาน (มีทั้งหญิงและชายทำหน้าที่ต้อนรับลูกค้าหรือที่เรียกกันโดยทั่วไปว่า "คนเชียร์แขก เราสามารถสอบถามรายละเอียดเช่น ประเภทของบริการ และ ราคา เป็นต้นนอกจากนี้> > หากไม่แน่ใจในสายตาตัวเอง อาจถามเพิ่มเติมจากคนเชียร์ได้เช่นกันแต่ต้องเข้าใจว่าส่วนใหญ่แล้วคนเชียร์จะมีหมอนวดในสังกัดของตนเองและมักจะเชียร์เด็กในสังกัด>นั้น> >เป็นพิเศษทางทีดีให้เชื่อมั่นในตัวเองจะดีที่สุด หมอนวดที่นั่งในตู้จะมีเบอร์บางแห่งในตู้จะมีหมอนวดหลายประเภท เช่น ประเภทธรรมดา ประเภทดาราหรือประเภทบีคอส เป็นต้นเมื่อเลือกหมอนวดที่ถูกใจได้แล้วก็แจ้งเบอร์ต่อคนเชียร์แขกคนเชียร์แขกจะเป็นคนเรียกหมอนวดที่เราเลือกส่วนใหญ่จะใช้เครื่องขยายเสียงและจะเรียกเหมือน>กันหมดเช่น "เบอร์ 88 ทำงาน" มีบางแห่งที่พัฒนาไปมาก
การเรียกหมอนวดให้ทำงานจะใช้สัญญาลักษณ์มือโดยไม่จำเป็นต้องออกเสียงเลย
หลังจากนั้นคนเชียร์ก็จะพาแขกไปรับห้อง
ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นเค้าเตอร์มีเจ้าหน้าที่คอยออกเวลาและเบอร์ห้อง
> > > จะเลือกจ่ายก่อน หรือ จ่ายทีหลังก็ได้ แต่ส่วนใหญ่จะจ่ายทีหลัง
> > > หมอนวดที่เลือกจะออกมาพบแขกบริเวณนี้
> > >> > > >ส่วนใหญ่จะกำหนดเป็นระเบียบให้หมอนวดไหว้แขกอข่างสุภาพเมื่อพบกันทุกครั้งไม่ว่าจะเป็นขา>ประจำ> >หรือไม่ก็ตาม> > > เพราะถือว่าแขกคือผู้มีพระคุณ
> > > เมื่อหมอนวดรับใบเวลาและเบอร์ห้องแล้วก็จะพาแขกขึ้นห้อง
> > > อาจขึ้นลิฟท์หรือขั้นบันไดก็แล้วแต่สถานที่
> > >> > >> > > พอเข้าห้อง อย่าเพิ่งผลีผลามเพราะจะมีเด็กเสิรฟ์ตามมาติด ๆ> > > เพื่อสอบถามว่าต้องการดื่มอะไรหรือไม่> > > ขั้นตอนนี้เป็นเรื่องของแขกต้องแสดงน้ำใจ> > >ถามหมอนวนเสมอว่าน้องจะดื่มอะไร> > > ส่วนใหญ่ก็จะเป็น กาแฟเย็น ชาดำเย็น หรือน้ำมะนาว อะไร ๆ เทือกนี้> > > แต่แขกบางคนสั่งเบียร์ หรือกับแกล้มอื่น ๆ ก็ได้> > >> > > >ที่ต้องสังวรณ์ไว้เสมอคือเครื่องดื่มทุนชนิดจะมีราคาแพงกว่าปกติมาก> > > และจะต้องทิปให้เด็กเสิรฟ์ทุกครั้งเพราะเด็กพวกนี้ไม่มีเงินเดือน> > > เมื่อได้เครื่องดื่มหรือขณะรอเครื่องดื่มจะมีแม่บ้าน> > > หรือที่หมอนวดเรียกกันสั้น ๆ ว่า "แม่"> > > นำเอาอุปกรณ์อาบน้ำประจำตัวของหมอนวนคนนั้นมาให้ หมอนวดที่เก่ง ๆ> > > บางคนจะเริ่มจู่โจมแขกจากจุดนี้> > >> > > การจู่โจมของหมอนวดที่มีประสบการณ์สูง> > > ส่วนใหญ่จะสังเกตจากปฏิกิริยาของแขกว่าจะมาไม้ไหน >ส่วนใหญ่คือการกอด> > > การลูบไล้ร่างกายของแขก นั่งตัก การป้อนน้ำ การนอนบิดขี้เกียจ >บนเตียง> > >> > > >บางแห่งถือเป็นระเบียบว่าหมอนวดต้องทำหน้าที่ถอดถุงน่องรองเท้าให้กับแขกทุกราย> > > หรือบางคนใช้เทคนิคการถอดเสื้อผ้า> > > ถ้าอ่อนประสบการณ์หน่อยจะเป็นพวกที่รอให้แขกเป็นฝ่ายเริ่มรุก> > > คำถามยอดนิยมซึ่งใช้เปิดฉากการสนทนาคือ "มาคนเดียวหรือคะ" หรือ> > > "มาบ่อยไหมคะ ทำไมไม่เคยเห็น"> > >> > > >ช่วงนี้เป็นช่วงที่เรียกว่าช่วงโหมโรงอย่าหักโหมเดี๋ยวจะจอดป้ายเร็วกว่าที่ควรจะเป็น> > >> > > ขั้นตอนต่อไปคือการอาบน้ำ กรรมวิธีก็แตกต่างกันไป> > > ส่วนใหญ่หมอนวดจะเป็นคนเปิดหรือผสมน้ำในอ่าง >แต่บางแห่งเป็นหน้าที่ของ> > > "แม่บ้าน" >หมอนวดเป็นผู้ปรับอุณหภูมิของน้ำให้ได้ตามความต้องการของแขก> > > >อ่างน้ำมาตรฐานในห้องจะเป็นอ่างขนาดใหญ่ซึ่งสามารถอาบพร้อมกันได้สองคน> > > บางแห่งที่คุณภาพดี ๆ จะมีห้องที่เรียกว่าเพนท์เฮาส์ หรือห้องชุด> > > ประกอบด้วยห้องเล็ก 2-4 ห้อง> > >ห้องกลางเป็นสถานที่รับประทานอาหารหรือเหล้า> > > มีเด็กเสิร์ฟและบาร์เครื่องดื่มประจำห้อง> > >> > >> > > >มีโทรทัศน์ขนาดใหญ่ที่แขกสามารถสั่งเพลงคาราโอเกะเพื่อร้องกับหมอนวดหรือจะให้หมอนว>> > > ดร้องให้ฟังก็ได้ ถ้าไม่ชอบร้องเพลงจะดูรายการโทรทัศน์ หรือ> > > กดไปช่องวงจรปิดดูเด็กในตู้โดยจะดูภาพมุมกว้างเห็นทุกคนในตู้> > > หรือจะเลือกโหมดโคสอัพ ดูคนใดคนหนึ่ง ส่วนใดส่วนหนึ่งก็ได้> > > ส่วนกลางห้องจะเป็นอ่างจากุสซี่ขนาดใหญ่อาบพร้อม ๆ กันได้หลายคน> > > นอกจากนี้ยังมีตู้อบซาวน่าไว้บริการด้วย> > > การใช้บริการห้องแบบนี้เหมาะสำหรับพวกกระเป๋าหนัก> > > หรือนักธุรกิจเชิญลูกค้าไป "ปูเสื่อ" ต้องมีงบประมาณขั้นต่ำ >10,000> > > บาทขึ้นไปและต้องเรียกหมอนวดมาบริการอย่างน้อย 3 คน> > >> > >> > > กลับมาเรื่องห้องธรรมดา เมื่อเปิดน้ำเรียบร้อย >หมอนวดจะชวนแขกลงอ่าง> > > หลังจากทั้งคู่ถอดเสื้อผ้าออกจนหมด หากเป็นการอาบแบบ "บีคอส"> > > จะมีอุปกรณ์เพิ่มคือแพยาง> > > บางแห่งจะมีที่คลุมผมแจกให้ด้วยเพื่อกันไม่ให้ผมเปียก >การอาบแบบบีคอส> > > หมอนวดจะใช้น้ำฝักบัวรดตัวแขกและตัวเองให้เปียกทั่วตัวเสียก่อน> > > แล้วให้แขกนอนหงายลงบนแพยาง จากนั้นก็จะใช้สบู่เหลวละเลงจนเกิดฟอง> > > แล้วจึงนอนทับลงไปบนตัวแขก ใช้อวัยวะสำคัญคือหน้าอก หน้าท้อง> > > และอวัยวะเพศของตัวเอง ลูบไล้ไปจนทั่วตัวแขก> > > แต่จะไม่ยอมให้ล่วงล้ำนอกจากแขกจะขวัญอ่อนน้ำแตกไปเสียก่อน> > > เมื่อละเลงด้านหน้าจนพอใจหรือเมื่อเห็นว่าแขกไม่เสร็จแน่ ๆ> > > ก็จะขอให้แขกนอนคว่ำและดำเนินการช้ำด้านหลังอีกรอบ> > >> > > >จากนั้นจึงขอให้แขกลงแช่ในอ่างแล้วหมอนวดก็จะตามลงไปโดยจะนั่งลงระหว่างขาทั้งสองข้างของ>แขก> >ในลักษณะนั่งคุกเข่าแล้วช้อนก้นของแขกขึ้นวางไว้บนตักของตัวหมอเอง> > > ลักษณะนี้ จะทำให้แขกอยู่ในสภาพการนอนแอ่น> > > และจะสร้างความตื่นตัวทางเพศให้กับพวกไก่อ่อนได้ไม่น้อย> > > หมอนวดจะเริ่มขั้นตอนด้วยการขัดขี้ไคล> > >โดยใช้มือขัดไปตามแขนทั้งสองข้าง> > > และหน้าอกของแขก จากนั้นก็จะลงสบู่แขนทั้งสองข้าง >หน้าอกและหน้าท้อง> > > และขาทั้งสองข้างในที่สุด> > >> > > ถึงตอนนี้> > >> > > >หมอนวดจะเริ่มปล่อยน้ำออกจากอ่างให้น้ำลดระดับลงเพื่อเริ่มขั้นตอนการทำความสะอาดอวัยวะเพศ>> >ของแขก> > > การทำความสะอาดอวัยวะเพศนี้เป็นเทคนิคเฉพาะตัว บางคนที่เก่ง ๆ> > > จะแถมการบีบกษัยให้กับแขกด้วย> > > แขกหลายคนที่สามารถผ่านด่านอรหันต์มาตกม้าตายเอาด่านนี้ก็มีเยอะ> > >> > > จากนั้น> > >> > >หมอนวดก็จะขอให้แขกลุกขึ้นนั่งหันหลังเพื่อขัดขี้ไคลและฟอกสบู่ด้านหลัง> > > ส่วนใหญ่จะถามแขกว่าจะสระผมหรือไม่ด้วย> > > ฟอกหลังเสร็จก็จะให้แขกยืนขึ้นเพื่อขัดขี้ไคลขาด้านหลัง ก้น> > > และล้างสบู่ให้จนหมดจด ถึงตอนนี้หมอจะถามแขกว่า "ฉี่ไหมคะ"> > > >ถ้าจะปวดก็ฉี่ลงอ่างไปเลยหมอนวดจะทำความสะอาดให้อีกครั้งเมื่อฉี่เสร็จ> > > แถมด้วยการรินน้ำยาบ้วนปากให้แขกบ้วนปากเป็นเสร็จพิธี> > >พาแขกขึ้นจากอ่างได้> > > หมอนวดจะเป็นผู้เช็ดตัวให้กับแขกหรือถ้าแขกจะเช็ดเองก็ไม่ขัดข้อง> > >> > > สถานอาบอบนวดที่ได้มาตรฐานจะจัดผ้าเช็ดตัวสะอาดไว้ในให้อย่างน้อย >5-6> > >ผืน> > > จากนั้นก็จะพาแขกไปนอนบนเตียง> > >> > > >หรือแขกจะเลือกสูบบุหรี่หรือดื่มเบียร์รอขณะที่หมอนวดกับไปอาบน้ำให้ตัวเองเพื่อความสดชื่นและให้>แน่> >ใจว่าตัวเองสะอาดหมดจดก่อนที่จะให้บริการขั้นต่อไป> > >> > > เมื่ออาบน้ำล้างคราบไคลให้กับตัวเองจนหมดจดแล้ว หมอนวนจะหรี่ไฟ> > >หรีโทรทัศน์> > > >(หรือปิดเสียง)บางคนที่ขึ้อายหน่อยอาจหรี่ไฟตั้งแต่ก่อนลงอ่างแล้วก็มี> > > จากนั้นก็จะชวนแขกขึ้นเตียง กรณีที่แขกนั่ง> > >ลืมอธิบายไปหน่อยเรื่องห้อง> > > ห้องธรรมดาส่วนใหญ่จะประกอบด้วยส่วนเปียกและส่วนแห้ง> > >เป็นห้องที่มิดชิด> > >> > > >บางแห่งอาจเจาะรูไว้เพื่อให้แม่บ้านประจำชั้นแอบดูความประพฤติของผู้ใช้ห้องด้วยก็ได้> > > ส่วนเปียกจะมีอ่างอาบน้ำและบริเวณหน้าอ่างสำหรับกิจกรรมบีคอส> > > ส่วนแห้งจะปูพรมทั้งหมดและเป็นห้องปรับอากาศ> > > เครื่องแต่งห้องอย่างน้อยจะมีเก้าอี้หรือโซฟา สองตัวกับโต๊ะกาแฟ> > > สุดท้ายคือเตียงที่ส่วนใหญ่จะเป็นขนาดคิงไซส์พร้อมหมอนสองใบ> > > เตียงนี้มีหลายรูปแบบ ทั้งเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าธรรมดา> > >หรือเป็นทรงกลม> > > ก็มี> > >> > >> > > >ส่วนประกอบที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งซึ่งจะขาดเสียมิได้คือระจกบนฝ้าเพดานซึ่งสะท้อนภาพบนเตียงอย่าง>ชัด> >เจน> > >> > > >ที่เคยได้ยินมาแต่ยังไม่มีหลักฐานยืนยันคือบางแห่งจะมีบริการพิเศษสำหรับแขกที่ชอบดู> > >> > > >โดยจะจัดเป็นห้องเฉพาะในชั้นถัดไปที่จะมีช่องสามารถมองผ่านกระจกด้านเดียวที่อยู่บนฝ้าของห้อง>ชั้น> >ล่างได้ด้วย> > >> > >> > > เมื่อขึ้นเตียงแล้วถ้าแขกไม่เริ่มบุกหมอนวดจะเป็นฝ่ายบุก> > > อาจเริ่มจากการค่อย ๆ บีบนวดแข้งขาให้กับแขก> > > หลังจากนั้นก็เริ่มกระบวนการลูบไล้ ดูดนม ดูดจู๋> > > จนแขกเริ่มมีอารมณ์เต็มที่จะใส่ปลอกให้กับแขกอย่างนุ่มนวล> > > แล้วจึงเริ่มกระบวนการร่วมเพศ ถ้าสังเกตให้ดี> > > หมอนวดส่วนใหญ่จะพยายามทำให้กับแขกโดยหมออยู่ข้างบน> > >เหตุเพราะด้วยท่านี้> > > ตัวหมอนวดเองสามารถควบคุมจังหวะ ความเร็วและความแรงได้> > > อีกประการหนึ่งคือสามารถทำให้แขกเสร็จเร็ว และ> > > ทำให้มือแขกไม่สามารถจับนมหมอ> ได้สะดวก> > >> > > >หมอนวนส่วนใหญ่จะหวงนมเนื่องจากกลัวเสียทรงจะยอมให้จับหรือดูดบ้างพอเป็นพิธี> > > ที่หวังจะไปบี้ไปขย้ำคงยาก> > >> > > อย่าลืมว่านวดที่ฝีมือดี ๆ ในช่วงเศรษฐกิจดี ๆ >จะทำงานโดยเฉลี่ยวันละ> > >3-4> > > รอบ ในช่วง 14.00 น. - 24.00 น. ของแต่ละวัน> > >เดือนหนึ่งจะหยุดได้ประมาณ 6> > > วันเพื่อพักฟื้นซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นช่วงที่มีรอบเดือน> > > หมายถึงหมอนวดพวกนี้ต้องผสมพันธ์กับแขกโดยเฉลี่ย 70 ครั้งต่อเดือน> > > ซึ่งเท่ากันอัตราเฉลี่ยของการมีเพศสัมพันธ์ของคนไทยต่อ 1 ปี >ดังนั้น> > > จึงต้องระวังรักษารูปร่างของตนตามสมควร> > > เพื่อให้อายุใช้งานและหาเงินยืนยาวก่อนที่จะโดนลดชั้นไปในที่สุด> > >> > > กระบวนการทั้งหมดที่กล่าวมาตั้งแต่ต้นจะใช้เวลาเฉลี่ยไม่เกิน 1> > > ชั่วโมงครึ่ง> > >เมื่อเสร็จกิจแล้วจะมีเวลาให้แขกนอนอ้อยอิ่งได้อีกพักใหญ่ ๆ> > > ให้สังเกตได้จากหมอนวด> > > หากเห็นหมอนวดเริ่มแต่งหน้าทาคิ้วแสดงว่าใกล้หมดเวลาแล้ว> > > ลุกไปล้างเนื้อล้างตัวและแต่งตัวได้> > >ข้อควรระวังในที่นี้คืออย่าเผลอหลับ> > > ถ้าเจอหมดนวดมีคุณธรรมปลุกก็ดีไป> > >> > >แต่ถ้าหมอไม่ปลุกโดยอ้างว่ากลัวว่าจะรบกวนแล้วละก็คุณอาจต้องจากดับเบิ้ล> > > หรือ ทริปเปิ้ล ก็ได้> > >เมื่อแต่งตัวเรียบร้อยหากจะทิปหมอนวดให้ทิปในช่วงนี้> > > อัตราทิปโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 100-500 >ร้อยขึ้นอยู่กับสถานที่และบริการ> > > ถามว่าจำเป็นต้องทิปหรือไม่ >ตอบว่าไม่จำเป็นถ้าไม่กลัวถูกด่าลับหลัง> > > บางแห่งหมอนวดอาจต้องทิปแม่บ้านด้วยประมาณ 50-100 บาท> > > ถ้าแขกใจดีจะออกให้ก็ไม่ขัดข้อง> > >> > >> > > >ค่าชั่วโมงนั้นหมอนวดจะพาแขกไปจ่ายที่เค้าเตอร์ที่รับเบอร์ห้องครั้งแรกนั่นแหล่ะ> > > เมื่อจ่ายเงินเสร็จก็กลับบ้านได้ >หมอนวดจะตามมาส่งพร้อมกับอวยพรว่า> > > "โชคดีนะพี่"> > >

Joke2

@วิธีถนอมเมีย....ขำดีอย่าลืมอ่านนะ

เพื่อทะนุถนอมอายุการใช้งานเมียของท่านให้ยืนยาว
และเป็นการรักษาอายุของท่านเองด้วย เราขอแนะนำข้อปฏิบัติ หลักสิบประการ
เพื่อใช้และบำรุงรักษาเมียออโตเมติก ดังต่อไปนี้

1. เมื่อเริ่มจะใช้งานเมียนั้น ควรอุ่นเครื่องก่อนทุกครั้ง
เพราะการใช้งาน
ทันทีทันใด ในขณะที่น้ำมันเครื่องยังไม่ได้หล่อลื่นไปทั่วห้องเครื่องนั้น
อาจทำให้ลูกสูบติด หัก หรืองอได้

2. ในตอนออกสตาร์ทใหม่ๆ อย่าเร่งเครื่องทันที
เพราะการเร่งเครื่องทันทีนั้น
อาจทำให้ ผู้ขับเกิดอาการอ่อนเพลีย ขับได้ไม่นาน
อาการตอบสนองของเครื่องจะไม่ดี เครื่องกระตุก นอกจากนั้น
เครื่องอาจหงุดหงิด เกิดอาการสำลักน้ำมันได้ง่าย
และการเดินทางจะไม่ถึงที่หมาย

3. ในขณะติดไฟแดงนั้น ไม่ควรใช้งาน แม้ในทางทฤษฎีแล้ว
เครื่องบางเครื่องอาจเป็นช่วงเหมาะสมที่จะนำไปใช้งาน
แต่ในสภาพความเป็นจริงแล้ว ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า ไม่ควรใช้งาน
เนื่องจากเครื่องอาจเกิดปัญหา ผุกร่อน คราบเขม่า น้ำมันจารบี
อีกทั้งยังอาจผลเสียต่อสุขภาพของผู้ขับขี่ และเครื่องเช่นกัน
ในจังหวะไฟเขียว ก็ควรจะดูรอบเครื่องและอุณหภูมิด้วย อย่าสุ่มสี่สุ่มห้า
ใช้ไม่บันยะบันยัง อาจเกิดปัญหาอื่นตามมาได้
โดยเฉพาะในกรณีท่านที่ขับรถสปอร์ต ยืมเขามาขับ
หรือลักลอบขับยิ่งอันตรายมาก
สำหรับผู้ขับที่ยังไม่ได้มีรถส่วนตัวอย่างแท้จริง
ส่วนท่านที่ใช้รถครอบครัวกรณีนี้ไม่มีปัญหาแต่อย่างใด ตกลงกันได้เสมอ

4. สำหรับรถและเครื่องที่มีอายุการใช้งานมานาน การขับขี่อาจนุ่มนวล
แต่รู้สึกว่าการตอบสนองไม่เร้าใจ เนื่องจากเกิดความคุ้นชิน
ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า ท่านอาจเปลี่ยนแปลงวิธีขับ เช่น
รู้จักเข้าโค้งอย่างนุ่มนวล หรือในทางตรงกันข้าม เข้าโค้งรุนแรง
ขับถอยหลัง
ขับออกด้านข้าง ขับขึ้นเขา ขับลงเขา ขับๆ หยุด ๆ
ซึ่งจะเป็นวิธีที่ทำให้ผู้ขับเกิดความตื่นเต้น และเครื่องยนต์
ก็จะตอบสนองดีขึ้น หากท่านใช้วิธีขับแบบเดิม ทื่อๆ ไป ไม่มีความเร้าใจ
เครื่องและรถก็อาจอยากได้คนขับใหม่ด้วยเช่นกัน
อย่าได้คิดว่าเปลี่ยนรถจะง่ายกว่าฝ่ายเดียวนะ

5. สำหรับมือใหม่หัดขับนั้น หากได้รถยังไม่พ้น รัน-อิน ยิ่งควรทะนุถนอม
เพราะการขับอย่างรุนแรง ตะกรุมตะกรามนั้น อาจทำให้เครื่องยนต์เกิดความเข็ด
และไม่ให้ความร่วมมือในการเดินทางครั้งต่อไป
เนื่องจากอาจเกิดภาวะความเสียหายของห้องเครื่องได้ง่าย ควรค่อยเป็นค่อยไป
เมื่อใช้งานไปได้สักระยะหนึ่ง จึงควรเปลี่ยนแปลงวิธีการขับ เป็นขับโลดโผน
เสี่ยงตาย ขับควงสว่าน ขับลงน้ำ ขับกลางสายฝน ขับหงายท้อง
ก็แล้วแต่จะดัดแปลง

6. สำหรับผู้ใช้รถเก่า เมื่ออายุการใช้งานนานพอสมควร
หรืออายุเครื่องถึงสามสิบปี ควรนำเข้าศูนย์ เช็คช่วงล่าง และกันชนหน้าเสมอ
เพราะอาจเกิดสภาวะการผุกร่อน หรือการเปลี่ยน แปลงทางเคมี
ขอให้นำเข้าตรวจสภาพเป็นประจำ เพื่อยืดอายุการใช้งาน รักรถ ต้องหมั่นตรวจ
โปรดจำไว้..ส่วนการจะนำไปโอเว่อร์ฮอล หรือไม่นั้น แล้วแต่จะตกลงกัน
ในความเป็นจริงผู้เชี่ยวชาญ กล่าวว่า เรื่องนี้สำคัญที่ใจ
และฝีมือคนขับด้วย ไม่ใช่โทษแต่เครื่องยนต์อย่างเดียว

7. ระหว่างการขับขี่ ไม่ว่ารถมีอายุการใช้งานอย่างใด ข้อควรระวังก็คือ
ห้ามบ่นอย่างเด็ดขาด ว่า เครื่องไม่ฟิตเหมือนเดิม หรือว่ากำลังแรงม้าลดลง
ขับไม่ตื่นเต้น หรือชมว่า คันนู้น คันนี้ น่านั่งน่าขับ
เพราะอาจเกิดอุบัติเหตุถึงแก่ชีวิตได้ หรืออย่างเบาะ ๆ อาจเสียทรัพย์สิน
อุบัติเหตุในเรื่องดังกล่าว มี อัตราชายไทยเสียชีวิตสูงมาก
สังเกตุได้จากหน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์รายวัน

8. เทคนิคเล็ก ๆ น้อย ๆ ในการขับขี่ : การใช้งานอย่างราบรื่นนั้น
อาจต้องหมั่นเปลี่ยนบรรยากาศการขับ เปลี่ยนสถานที่ขับขี่ (อย่าเปลี่ยนคัน
อันตรายมาก เตือนแล้ว!!) สำหรับท่านที่ใช้รถครอบครัว
ให้ดูแลลูกเต้าให้หลับเป็นที่เป็นทางให้เรียบร้อย
เพราะการขับขี่อาจหยุดชะงักลงได้ เนื่องจากเจอปัญหา เด็กข้ามตัดหน้า
เด็กเปิดประตูระหว่างขับ ไม่ข้ามทางม้าลาย จนต้องอุทาน "ลูกใครหว่า?" เขิน
เป็นที่สุด..อ้อ..ไม่ควรสูบบุหรี่ก่อน หรือระหว่างขับ
เนื่องจากกลิ่นบุหรี่จะทำให้รถเกิดความสกปรก เครื่องยนต์ตอบสนองไม่ดี
แปรงฟันเสียด้วย หากกินข้าวกินปลาเสร็จใหม่ๆ พักสักแป๊บก็ดี เดี๋ยวจุกแย่
ผู้ขับมือใหม่ หากตื่นเต้น ระหว่างขับ ให้ชลอความเร็ว ลดรอบเครื่องยนต์
คิดเรื่องอื่น ๆ สูดหายใจยาว ๆ จะทำให้เกิดการผ่อนคลาย
และเดินทางได้นานขึ้น > > 9. ความรู้ทางด้านช่างเบื้องต้น: ระวังรักษา
ท่อไอดี และไอเสีย และท่อเติม น้ำมัน ให้ทำงานดีเสมอ การใช้งานอย่างสับสน
ผิดท่อผิดทางนั้น อาจเกิดความตื่นเต้นในการขับขี่เป็นครั้งคราว แต่ทั้งนี้
อาจเกิดผลเสียแก่เครื่องยนต์ในระยะยาว รักษาความสะอาด ทั้งหัวจ่ายน้ำมัน
และท่อต่าง ๆ ให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน หมั่นตรวจเครื่องยนต์และอื่น ๆ
ชมได้ ห้ามติ โดยเฉพาะ กันชนเล็กไป นุ่มไป เหลวไป หย่อนไป เครื่องหลวม
เครื่องสั่น ม่ฟิต เร่งไม่แรง แซงไม่พ้นโปรดพึงสังวร
ว่าเกิดจากการใช้งานอย่างไม่ถูกวิธีของท่าน หาใช่เกิดจากผู้ผลิต

10. ความปลอดภัย และวินัยจราจร: เมาไม่ขับ เนื่องจาก หากเมามากเกินไป
แม้มีความเชื่อว่า จะทำให้ขับได้นาน ทรหดก็ตาม แต่ก็จะสูญเสียทัศนวิศัย
และความสามารถในการตอบสนองอื่น ๆ อาจเกิดการผิดที่ผิดทาง
ลืมคาดเข็มขัดนิรภัย ขับผิดคัน
ล้วนแต่เป็นเหตุแห่งความเสี่ยงต่อชีวิตทั้งสิ้น

หมายเหตุ: สำหรับท่านที่ได้จ่ายเงินดาวน์มาเป็นระยะเวลายาวนานแล้ว
ได้จัดพิธีฉลองต่าง ๆ ในการได้รถมาใช้หลายปี
และได้จ่ายเงินสดแก่ผู้ผลิตแล้วก็ตาม
หากยังมีข้อสงสัยว่าทำไมเงินผ่อนต่องวดของท่าน ยังคงไม่หมด
และดูเหมือนจะสูงขึ้นไปเรื่อย ๆ นั้น อย่าได้สงสัยเลย
ก้มหน้าก้มตาทำงานไปเถิด
อย่าคิดมาก..มันเป็นกรรมของสัตว์โลก..ให้คิดเสียว่า ได้รถคู่ใจ
ขับขี่รู้ใจ
คล่องแคล่ว เบื่อบ้าง เซ็งบ้าง ก็ให้คิดความดีหนหลัง
ตอนที่เห็นรถในโชว์รูมใหม่ๆ จำความตื่นเต้น ในครั้งนั้นไว้
คิดถึงตอนได้มาเป็นเจ้าของ และโปรดจำไว้ ในสมัยปัจจุบัน มีโปรโมชั่น
ทดลองขับ ในรถรุ่นใหม่ๆ ก็ตาม
อย่าเผลอตัวไป..อันตราย..คันเก่าเอาตาย...เราเตือนท่านแล้ว
หวังว่าท่านจะได้ใช้ความรู้ เพื่อความปลอดภัย
ในการเดินทางอย่างตลอดรอดฝั่ง

....ด้วยความปรารถนาดี

คาถาบูชาผัว

รักผัว ต้องให้ผัว หมดทั้งตัว หมดทั้งใจ
รักผัว ต้องอ่อนไหว ผัวว่าไง ต้องว่าตาม
รักผัว ต้องเคารพ ต้องประจบ ไม่ลามปาม
รักผัว ต้องคล้อยตาม ไม่วู่วาม คอยเอาใจ
รักผัว ต้องอดทน ผัวเป็นคน ไม่ยอมใคร
รักผัว ต้องทำใจ ใช่ผัวใคร ก็ผัวเรา
รักผัว ต้องหมั่นสวย เดี๋ยวจะซวย ผัวไม่เอา
รักผัว ต้องคอยเฝ้า ถึงผัวเมา ก็ตามใจ
รักผัว ต้องฝึกฝน ผัวเป็นคน ชอบของใหม่
รักผัว ต้องเข้าใจ ผัวไปไหน อย่าห้ามปราม
รักผัว ต้องแข็งแรง ต้องพลิกแพลง ให้วาบหวาม
รักผัว ต้องทุกยาม ไม่ซักถาม ให้กวนใจ
รักผัว ต้องกล้าเสีย ยกน้องเมีย ให้ผัวไป
รักผัว ต้องสนใจ ผัวเป็นไง ต้องคอยดู
รักผัว ต้องพูดง่าย ไม่โวยวาย ไม่ลบหลู่
รักผัว ต้องเฝ้าดู หาอีหนู มาเอาใจ
รักผัว ต้องเชื่อฟัง ผัวเสียงดัง ต้องทนไหว
รักผัว ต้องรู้ใจ ผัวอยากได้ ต้องหามา
รักผัว ต้องใจเย็น ผัวเป็นเช่น เทวดา
รักผัว ต้องบูชา ผัวมีค่ากว่าสิ่งใด
รักผัว ต้องรักเดียว อย่าไปเที่ยว รักผัวใคร
รักผัว ต้องแน่ใจ ผัวของใคร ก็ของมัน
รักผัว ต้องแน่วแน่ ต้องรักแท้ ผัวของฉัน
รักผัว ต้องยึดมั่น ทุกข้อนั้น สำคัญเอย......

@ข้อความตอบรับโทรศัพท


ข้อความจากเครื่องโทรศัพท์ตอบรับอัตโนมัติยอดนิยม ต่อไปนี้

ได้มาจากสถาบันวิจัยเครื่องโทรศัพท์ตอบรับอัตโนมัตินานาชาติ
เลือกไปใช้ตามใจชอบนะคะ

1. ตอนนี้ผมกับภรรยาไม่สามารถ มารับโทรศัพท์ได้ คุณคงนึกภาพออกนะ
เราเพิ่งแต่งงานใหม่ ดังนั้นฝากชื่อกับเบอร์โทรไว้ แล้วเราจะโทรกลับไปเอง
เมื่อเรา เสร็จแล้ว

2. ข้อ ก. งาน - ข้อ ข. เบียร์ - ข้อ ค.ถ่ายทอดสดฟุตบอลกะมวย
นี่คือเหตุผล
ที่เราไม่อยู่ ดังนั้น กรุณทิ้งชื่อกับเบอร์ไว้

3. หวัดดี นี่ สมคิดพูด ถ้าคุณโทรจากองค์การโทรศัพท์ ผมจ่ายเงินแล้ว
ถ้าคุณคือพ่อกะแม่ผม ส่งเงินให้ผมหน่อย ถ้าคุณคือบริษัทเงินกู้
คุณให้เงินผมกู้น้อยไปหน่อยนะ ถ้าคุณคือเพื่อนผมก็จ่ายเงินที่ติดผมซะดีดี
และถ้าคุณเป็นผู้หญิงสาวสวย ล่ะก้อ ไม่ต้องห่วงผมมีเงินเยอะแยะครับ

4. ฮัลโหล ตอนนี้ชั้นไม่อยู่บ้าน แต่เครื่องตอบรับชั้นอยู่
พูดกับมันแทนไปก่อนละกัน หลังจากเสียง บี้บ ดังขึ้น

5. ฮัลโหล ผมคือเครื่องตอบรับของสมชาย คุณ ล่ะเป็น อะไร ?

6. (อันนี้ จากญี่ปุ่น) ไฮ้! นี่ซาโตะ นะ ถ้าคุณฝากข้อความไว้ ผมจะโทร
กลับไป แต่ถ้าคุณฝากข้อความพร้อมกับเสียงเซ็กซี่ไว้ ผมจะโทรกลับเร็วขึ้น

7. ฮัลโหล เครื่องตอบรับ ของสมพงษ์เสีย นี่ตู้เย็น มาพูดแทนอยู่
กรุณาพูดช้าๆ แล้วผมจะเอาข้อความที่คุณฝากไว้ ทับด้วยแม่เหล็กติดกับ
ตัวผมไว้อีกที

8. หวัดดี ผมอาจจะอยู่บ้านก็ได้ แต่ไม่อยากรับโทรจากบางคน
ฝากข้อความไว้สิ
ถ้าผมไม่โทรกลับ แสดงว่าคนที่ผมไม่อยากรับ คือคุณนั่นแหละ...

9.กรุณาฝากข้อความไว้ แต่คุณมีสิทธิ์ ตามกฎหมายที่จะไม่พูดอะไรก็ได้
ทุกอย่างที่ คุณ พูด จะถูกบันทึกไว้ และดำเนินการในศาลได้

10 สวัสดีครับ คุณโทรมาถูกแล้ว ล่ะ แต่ตอนนี้ ผม กับ ภรรยา
ไม่สามารถรับสายได้ เพราะว่าเรากำลังสนุกกับกิจกรรมบางอย่าง
กรุณาฝากข้อความไว้ ล่ะกัน เดี๋ยวเราแปรงฟันกันเสร็จแล้ว เราจะโทรกลับไป



@สิ่งที่ฉันมี
สามีภรรยาคู่หนึ่งที่อยู่ด้วยกันมานานกว่า 20 ปี

กำลังนั่งรถไปงานเลี้ยงด้วยกันั

โดยภรรยาเป็นคนขับด้วยความเร็วเพียง 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

แล้วจู่ๆ สามีก็เอ่ยน้ำเสียงอย่างเย็นชาว่า

”เราแต่งงานกันมายี่สิบปีแล้ว ที่ผ่านมาคุณดีกับผมก็จริงมง

แต่ตอนนี้ผมพบคู่ชีวิตคนใหม่แล้ว เธอคือเลขาฯ คนสวยของผมเอง”

ภรรยาขับเร็วขึ้นเป็น 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง สามีพูดต่อว่าง

”ผมต้องการหย่ากับคุณโดยเร็วที่สุด

ตลอดชีวิตการแต่งงาน ผมทำงานหาเลี้ยงครอบครัว

ส่วนคุณทำแต่งานบ้านเท่านั้น

ดังนั้น หุ้นบริษัทกับบ้านหลังใหญ่ควรเป็นกรรมสิทธ์ของผม”

ภรรยาขับเร็วขึ้นเป็น 100 กิโลเมตรต่อชั่งโมง

”ส่วนเงินในธนาคารห้าสิบล้าน
ผมจะเจียดให้คุณไปทำทุนสักห้าแสน

นอกจากนี้ คุณยังอยากได้อะไรอีกไหม”

”ไม่หรอกค่ะ สิ่งที่ฉันอยากได้ที่สุดฉันมีแล้ว แต่คุณไม่มี”

ภรรยาตอบเสียงเย็นชาเช่นกัน พลางกดคันเร่งเร็วขึ้นเป็น 120
กิโลเมตรต่อชั่วโมง
”อะไรที่คุณมี แต่ผมไม่มีน่ะ”
>”ถุงลมนิรภัย”

@คุณเคยรู้สึกแบบนี้กับใครบ้างฦ
คุณเคยรู้สึกผูกพันกับใครมั้ย

มีความสุข เมื่อเจอ คนคนนั้น
สบายใจ เมื่อเจอ คนคนนั้น
สนุกสนาน เมื่อเจอ คนคนนั้น
หัวเราะร่า เมื่อเจอ คนคนนั้น
โลกสดใส เมื่อเจอ คนคนนั้น
มีกำลังใจ เมื่อเจอ คนคนนั้น
มีกำลังกาย เมื่อเจอ คนคนนั้น
ตื่นเต้น เมื่อเจอ คนคนนั้น

การที่คนเราจะเริ่มผูกพันกับใครสักคนหนึ่ง สิ่งนั้นจะต้องถูกสร้างมาจาก ...

พูดคุยกัน ยิ้มให้กัน ทานข้าวกัน
ไปไหนกัน เป็นห่วงกัน ดูแลกัน
เข้าใจกัน พึ่งพากัน มีกันและกัน...
สิ่งนั้นมันต้องใช้ ”เวลา” เพื่อที่จะทำให้ความผูกพันธ์ แนบแน่น และสนิทใจกันมากขึ้น ผูกพันต้องใช้
“เวลา”เนิ่นนานจนกระทั่งไม่มีโอกาสได้เจอกันอีก หรือ รวดเร็วจนไม่ทันที่จะตั้งตัวได้ กว่าจะรู้ว่าผูกพัน ก็สายเกินกว่าที่จะเดินมาบอกได้ว่าเป็นห่วงนะ แล้วเวลานานแค่ไหนหล่ะที่จะทำให้เรา “ผูกพัน”

1 นาที
1 ชั่วโมง
1 วัน
1 เดือน
1 ปี
1 ชั่วชีวิต

“เวลา” ของคนแต่ละคนแท้จริงแล้ว มันมีระยะห่างของเวลาไม่เท่ากัน
“เวลา” เป็นผลต่างของ จุดเริ่มต้น และจุดสิ้นสุด โดยมีความรู้สึกเป็นตัวแปร
“เวลา” 1 วัน เท่ากับ 24 ชั่วโมง เหมือนกันทุกวัน เคยคิดกันบ้างไหมว่าทำไม
บางวัน ... รวดเร็ว
บางวัน... เนิ่นนาน
“เวลา” ไม่ใช่ค่าคงที่ ซึ่งมีความรู้สึกเป็นตัวแปร ที่จะมาเพิ่มคุณค่าและ ระยะเวลาให้แตกต่างกันไป
“เวลา” ที่เท่ากัน คุณดูแล เอาใจใส่ และ มองลึกลงไปในรายละเอียดให้กับคนที่เรา ”ผูกพัน” แค่ไหน
ไม่สามารถที่จะบอกได้ว่า ทำไม ผลต่างของ การเริ่มรู้จักกัน และ กำลังไม่รู้จักกัน ที่มีค่าเท่ากับ 1 เดือน
จะสามารถสร้าง คำว่า “ผูกพัน” ขึ้นมาได้
คนนี้: รู้จัก(เริ่มต้น)--พูดคุยกัน, ยิ้มให้กัน,ไปไหนกัน, เป็นห่วงกัน, ดูแลกัน--ไม่รู้จัก(สิ้นสุด)
ผลต่าง 1 เดือน เท่ากับ “ผูกพัน”
บางคน: รู้จัก(เริ่มต้น)--พูดคุยกัน, ยิ้มให้กัน,ไปไหนกัน, เป็นห่วงกัน, ดูแลกัน--ไม่รู้จัก(สิ้นสุด)

ผลต่าง 1 ปี เท่ากับ “ผูกพัน”
1 เดือน มีค่าเท่ากับ 1ปี “เวลาไม่ใช่ค่าคงที่”
อย่าลืม ใส่ความรู้สึกเข้าไปในเวลา เพราะสิ่งนั้นจะทำให้เวลาแต่ละนาที มีระยะที่ยาวนานยิ่งขึ้นขึ้น



@คุณให้คำจำกัดความของ อวัยวะของผู้ชาย(ไอ้นั่น) ว่า อย่างไร
> พิธีกรผู้ตั้งคำถาม : มิส อเมริกา ไม่ทราบว่า ในประเทศของคุณ >คุณให้คำจำกัดความของ อวัยวะของผู้ชาย(ไอ้นั่น) ว่า อย่างไร ?


มิส อเมริกา >: ในบ้านของไอ เราเรียกมันว่า สุภาพบุรุษ >พิธีกรผู้ตั้งคำถาม : ทำไมคุณถึงพูดอย่างนั้นล่ะ? >มิส อเมริกา: เพราะว่ามันลุกขึ้นทุกครั้ง ที่เห็นสุภาพสตรี >(เสียงปรบมือ แปะๆ! แปะๆ!)

> >พิธีกรผู้ตั้งคำถาม : มิส สเปน ไม่ทราบว่า ในประเทศของคุณ >คุณให้คำจำกัดความของ อวัยวะของผู้ชาย(ไอ้นั่น) ว่า อย่างไร ?

มิส สเปน : >ไอ้นั่นของผู้ชาย ในประเทศของเรา เหมือนกับ วัวกระทิง ที่เราใช้ในการแสดง >การสู้วัวกระทิง พิธีกรผู้ตั้งคำถาม : ทำไมคุณถึงพูดอย่างนั้นล่ะ? >มิส สเปน : เพราะว่า มันพุ่งเข้าหาทุกครั้ง ที่เห็นช่องเปิด >(เสียงปรบมือ แปะๆ! แปะๆ!)

> >พิธีกรผู้ตั้งคำถาม : มิส ฟิลิปปินส์ ไม่ทราบว่า ในประเทศของคุณ >คุณให้คำจำกัดความของ อวัยวะของผู้ชาย(ไอ้นั่น) ว่า อย่างไร ?

มิส >ฟิลิปปินส์ : ฉันพูดได้เลยว่า ไอ้นั่นของผู้ชายในบ้านดิฉัน เหมือนกับ >ข่าวซุบซิบ และ ข่าวลือ พิธีกรผู้ตั้งคำถาม : ทำไมคุณถึงพูดอย่างนั้นล่ะ? >มิส ฟิลิปปินส์ : เพราะว่า มันผ่านจากปากนึง สู่อีกปากนึงต่อๆกัน >(เสียงปรบมือ แปะๆ! แปะๆ! พร้อมทั้งลุกขึ้นโห่กรี๊ดลั่น >ต่อด้วยเสียงปรบมือยาว )

> >พิธีกรผู้ตั้งคำถาม : มิส อิหร่าน ไม่ทราบว่า ในประเทศของคุณ >คุณให้คำจำกัดความของ อวัยวะของผู้ชาย(ไอ้นั่น) ว่า อย่างไร ? มิส อิหร่าน >: โอ้ ในบ้านชั้น เราว่า ไอ้นั่น ของผู้ชายมันเหมือนกับ ขโมย >พิธีกรผู้ตั้งคำถาม : ทำไมคุณถึงพูดอย่างนั้นล่ะ?

>มิส อิหร่าน : เพราะว่า พวกมันชอบเข้า ทางประตูหลัง >(เสียงปรบมือ แปะๆ! แปะๆ! พร้อมเสียงหัวเราะดังลั่น ยาว >ต่อด้วยเสียงปรบมือยาว )

> >พิธีกรผู้ตั้งคำถาม : มิส อินเดีย ไม่ทราบว่า ในประเทศของคุณ >คุณให้คำจำกัดความของ อวัยวะของผู้ชาย(ไอ้นั่น) ว่า อย่างไร ?

มิส อินเดีย >: อืมมม ในประเทศ ของฉานๆๆ เรา ว่าไอ้นั่น ของผู้ชาย มันคล้ายกับ กรรมกร >พิธีกรผู้ตั้งคำถาม : ทำไมคุณถึงพูดอย่างนั้นล่ะ? >มิส อินเดีย : เพราะว่าพวกมันต้องทำงานหนัก ทั้งกลางวัน และกลางคืนน่ะสิ >(เสียงปรบมือ แปะๆ! แปะๆ! แปะๆ! แปะๆ!แปะๆ! แปะๆ!แปะๆ! แปะๆ! >ติดต่อกันยาวนาน )

> >พิธีกรผู้ตั้งคำถาม : มิส สิงค์โปร์ ไม่ทราบว่า ในประเทศของคุณ >คุณให้คำจำกัดความของ อวัยวะของผู้ชาย(ไอ้นั่น) ว่า อย่างไร ?

มิส >สิงค์โปร์ : ในสิงค์โปร์ เราเรียกไอ้นั่นของผู้ชาย ว่าพวก Kia-Su ( >พวกกลัวพลาด) พิธีกรผู้ตั้งคำถาม : ทำไมคุณถึงพูดอย่างนั้นล่ะ? >มิส สิงค์โปร์ : เพราะพวกมันชอบที่จะพรวดพราดเข้าไปอย่างรวดเร็วแล้ว >ก็รีบออกมา 15นาที ก่อนการแสดงจะจบทุกที (เสียงปรบมือ แปะๆ! แปะๆ! แปะๆ! >แปะๆ!แปะๆ! แปะๆ!แปะๆ! แปะๆ! ติดต่อกันยาวนาน )

> >พิธีกรผู้ตั้งคำถาม : มิส ไชน่า ไม่ทราบว่า ในประเทศของคุณ >คุณให้คำจำกัดความของ อวัยวะของผู้ชาย(ไอ้นั่น) ว่า อย่างไร ? มิส ไชน่า : >ในจีนพวกเราว่าไอ้นั่นของผู้ชายคล้ายกับท่านผู้นำ Deng Siu Ping. >พิธีกรผู้ตั้งคำถาม : ทำไมคุณถึงพูดอย่างนั้นล่ะ?

>มิส ไชน่า : คือว่า แม้มัน สั้น(เตี้ย) และ ต้องตรากตรำ งานหนัก >แต่ว่ามันก็ยัง ทำงานได้จนถึงอายุ 90 ปี (เสียงปรบมือ แปะๆ! แปะๆ! >พร้อมเสียงหัวเราะดังลั่น ยาว ต่อด้วยเสียงปรบมือยาว )

> >พิธีกรผู้ตั้งคำถาม : มิสไทยแลนด์ ไม่ทราบว่า ในประเทศของคุณ >คุณให้คำจำกัดความของ อวัยวะของผู้ชาย(ไอ้นั่น) ว่า อย่างไร ? มิส >มิสไทยแลนด์ : ในประเทศของเรา เราเปรียบไอ้นั่นเหมือนกับ นักการเมือง >พิธีกรผู้ตั้งคำถาม : ทำไมคุณถึงพูดอย่างนั้นล่ะ?

>มิส มิสไทยแลนด์ : อ๋อ เพราะว่า พวกมันวันๆ งานการไม่ทำ ได้แต่เดินแกว่งไป >แกว่งมา แล้วก็ถุย!!!ไปวันๆ เท่านั้น


@นิทานก่อนเลิกงาน> >Date: Tue, 4 Feb 2003 15:15:43 +0700


> >> >> >> >กาลครั้งหนึ่ง เจ้าเต่ากับกระต่ายเถียงกันว่าใครเร็วกว่ากัน> >ทั้งคู่จึงตกลงที่จะวิ่งแข่งะต่> >มีการกำหนดเส้นทางวิ่งแล้วก็เริ่มการแข่งขัน> >เจ้ากระต่ายนำโด่งมาไกลก็เลยชะล่าใจ> >คิดว่าพักผ่อนใต้ต้นไม้ซักกะแป๊บนึ่งก่อนแข่งต่อก็คงดี> >ไปๆมาๆก็ง่วงสิ ตื่นมาอีกทีเจ้าเต่าก็คว้าแชมป์ไปแล้ว> >นิทานตอนนี้สอนให้รู้ว่า ช้าๆแต่มั่นคงสามารถเอาชนะได้(เหมือนกัน)> >นี่เป็นเวอร์ชัน เดะๆที่เราคุ้นหูกัน> >ไม่นานมานี้มีคนเล่าเวอร์ชันใหม่ที่น่าสนใจให้ฟัง> >ต่อเลยนะ....> >> >> >เจ้ากระต่ายสันหลังยาวก็อารมณ์บ่จอยตามระเบียบที่แพ้> >มันจึงค้นหาจุดอ่อนของตนเองมณ์บ> >> >มันก็พบว่าความมั่นใจในตัวเองเกินไปบวกกับความขี้เกียจ> >ของมันนั่นแหละที่ทำให้แพ้> >ถ้ามันไม่เผลอหลับซะอย่าง เต่าหน้าไหนจะเอาชนะมันได้ยาก> >มันจึงขอแก้ตัวใหม่อีกครั้งต่าห> >"เฮ้ย..เมื่อกี๊ฟลุ้คอ๊ะป่าว แน่จริง..ใหม่เด่ะ" เจ้าเต่าก็ตกลงน> >ย่อมได้ไอ้น้อง"....> >> >แน่นอนว่าครั้งนี้ เจ้าเต่าโดนทิ้งไม่เห็นฝุ่น กระต่ายชนะขาดลอยน> >เราได้ข้อคิดอะไรล่ะ...> >> >ต่อให้ช้าแต่ชัวร์ ยังไงก็แพ้เร็วและสม่ำเสมอน> >ถ้าเราเปรียบเทียบคนสองคนในองค์กรของเรา คนนึงช้าจริงย> >ทำอะไรมีระบบระเบียบแบบแผน แต่ทำอะไรๆไม่เคยพลาดา> >ไว้ใจได้แน่นอนในผลงานของเขาต่ท> >เทียบกับอีกคนนึงที่เร็วและก็พอไว้ใจได้ในสิ่งที่เขาทำ> >คนที่เร็วกว่ามักจะประสบความสำเร็จมีความเจริญก้าวหน้าในองค์กรนั้นๆมากกว่า> >> >(ซิกแซกไม่เป็น อะไรลัดได้ เร็วได้ก็ไม่กล้าเสี่ยงไม่กล้าทำ> >ผลงานก็เลยน้อยมั้ง)> >ไอ้ช้าแต่ชัวร์น่ะมันก็ดีอยู่หรอก แต่ให้เร็วและพอใช้ได้นี่ดีกว่า....> >> >เรื่องยังไม่จบแค่นี้> >คราวนี้ถึงทีเจ้าเต่ามาหาจุดบกพร่องของตัวเองบ้าง และมันก็พบว่า่า> >เป็นไปไม่ได้เลยที่มันจะชนะกระต่ายในเส้นทางการวิ่งแบบที่เป็นอยู่นี้> >มันก็คิดอยู่ซักครู่หนึ่งก็ไปท้ากระต่ายแข่งใหม่> >แต่ขอเปลี่ยนเส้นทางวิ่งซะหน่อย> >เจ้ากระต่ายก็ว่าย่อมได้อยู่แล้วเพ่ พอการแข่งเริ่มปุ๊บี่> >เจ้ากระต่ายก็ใส่เกียร์ห้อออกไปเต็มสปีดเลย> >จนกระทั่งไปถึงระหว่างทาง "เฮ้ย!!!..เวรกรรม ต้องข้ามแม่น้ำ ทำไงล่ะตู..."> >เส้นชัยอยู่ไม่ห่างจากฝั่งตรงข้ามเท่าไหร่เลย> >> >เจ้ากระต่ายมัวแต่เง็งว่าจะทำไงดี> >จนเจ้าเต่าคืบคลานมาทันแล้วก็จ๋อมลงน้ำว่ายข้ามฝั่งไปเข้าเส้นชัย> >นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า....> >> >พิจารณาจุดแข็งของตนให้ดีแล้วพยายามเปลี่ยนสนามการแข่งขันให้> >ตนเองได้เปรียบมากที่สุดี> >> >ย๊างงง ยังไม่พอ มีต่อ....> >> >ด้วยน้ำใจนักกีฬา ครั้งนี้เจ้าเต่ากับกระต่ายเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันแล้ว> >ต่างคนต่างมาระดมสมองคิดด้วยกัน หากทั้งสองร่วมมือกันอ> >การแข่งแบบเมื่อครั้งล่าสุดจะช่วยให้ทำเวลาได้ดีขึ้น> >> >ดังนั้น พวกมันจึงคิดจะแข่งอีกครั้ง แต่แข่งคราวนี้เป็นแบบทีมเวิร์ค> >> >เริ่มต้นเจ้ากระต่ายก็แบกเต่าวิ่งไปด้วยความเร็วสูง จนถึงริมแม่น้ำคล้ว> >เจ้าเต่าก็ให้กระต่ายขี่หลังว่ายข้ามไป> >พอข้ามฝั่งเจ้ากระต่ายก็แบกเจ้าเต่าวิ่งต่อจนเข้าเส้นชัยด้วยกัน> >> >ผลการแข่งครั้งนี้สร้างความพึงพอใจให้กับทั้งสองฝ่าย(ตัว)มากกว่า้ำคล้ว> >การแข่งครั้งก่อนๆหน้านี้าม> >> >นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า....> >> >การมีจุดแข็งและความสามารถโดดเด่นเฉพาะตัวเป็นสิ่งที่ดี> >แต่หากไม่รู้จักทำงานร่วมกับผู้อื่น> >ยังไงก็ไปไม่รอด เพราะมันจะมีบางสถานการณ์ที่เราเจ๋งคนอื่นเจ๊ง> >ในขณะที่บางสถานการณ์เราเจ๊งแต่คนอื่นเจ๋ง> >> >ทีมเวิร์คสำคัญตรงที่การกำหนดผู้นำให้เหมาะกับสถานการณ์> >> >ให้ผู้ที่มีความถนัดกับสถานการณ์นั้นๆเป็นผู้นำกลุ่มในแต่ละช่วง> >สถานการณ์ที่เหมาะกับความสามารถของเขา> >> >นอกจากนี้เรายังได้บทเรียนอีกอย่างหนึ่งด้วยว่า ไม่ว่าเต่าหรือกระต่ายว> >ไม่มีใครที่คิดเลิกล้มหรือท้อแท้หลังจากความความล้มเหลวได้เกิดขึ้น> >กระต่ายแก้ไขจุดบกพร่องของตนเองโดยการทำงานที่หนักขึ้น> >และเพิ่มความมุมานะในงานของตนเองหลังจากพบความล้มเหลว> >ส่วนเต่าได้ปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ของตนใหม่> >เพราะตัวมันเองได้ทำงานหนักที่สุดเท่าที่มันจะสามารถทำได้แล้ว ในชีวิตว> >เมื่อเราพบกับปัญหาหรือความล้มเหลว> >บางครั้งเราก็ควรจะทำงานให้หนักขึ้นและมีความเอาใจใส่ในงานมากกว่าเดิม> >บางครั้งก็ควรเปลี่ยนแผนการทำงานและทดลองในสิ่งใหม่ๆที่แตกต่างออกไป> >และในบางครั้งก็จำเป็นต้องทำทั้งสองอย่างเลย> >> >นอกจากนั้น กระต่ายกับเต่าก็ได้บทเรียนที่สำคัญอีกอย่างคือ> >เมื่อเราหยุดการแข่งขันกับตัวบุคคล> >แล้วหันมาแข่งขันกับสถานการณ์แทน พวกมันจะทำงานได้ดีขึ้นมา @ Joke2ถอดรหัส พลทหารเรือ : "นี่ครับโทรเลขพิเศษจากท่านผู้บัญชาการ มาถึงท่านผู้การ เป็นการส่วนตัวครับ" ผู้การเรือ : "อ่านให้ฟังทีซิ" พลทหารเรือ : "คุณเป็นคนที่ทำงานผิดพลาด ไร้สติปัญญา และโง่ดักดานที่สุด ในกองทัพเรือของเรา" ผู้การเรือ : ( หลังจากนิ่งไปสักครู่ ) "ทหารเอาไปถอดรหัสเดี๋ยวนี้" ดีกว่าหมอ แจ็คสันไปปรึกษาจิตแพทย์ "หมอ" เขาครวญ "ผมแย่แล้ว ทุกครั้งที่ผมนอนบนเตียง ผมรู้สึกว่ามีคนอยู่ใต้เตียง พอนอนใต้เตียง ผมก็รู้สึกว่ามีคนอยู่บนเตียง บน ใต้ ใต้ บน ผมจะบ้า" "ให้ผมรักษาแล้วกัน" หมอบอก "คุณมาหาผมอาทิตย์ล่ะครั้งแค่สองปีก็หายขาด" "คิดค่ารักษาเท่าไหร่ครับ" "ครั้งละร้อยเหรียญ" "ขอผมคิดดูก่อนน่ะครับ" แจ็คสันไม่โผล่หน้ามาอีกเลย หกเดือนต่อมา จิตแพทย์ก็เจอเขาที่ถนนโดยบังเอิญ "อ้าว" หมอทัก "ทำมคุณไม่กลับไปหาผมล่ะ" "ครั้งล่ะร้อยเหรียญหรือ ไม่มีวันซะล่ะ คนชงเหล้ารักษาผมหายเสียแค่สิบเหรียญเท่านั้น" "งั้นรึ..เขาทำไง" "เขาบอกให้ผมตัดขาเตียงออก" เป็นงั้นไป @บ็อบคนงานขุดหลุมฝังศพเกิดทำงานเพลินไปหน่อยเลยขุดหลุมลึกไปเกินกว่า จะปีนขึ้นมาจากหลุมได้ ถึงพยายามอย่างไรก็ไม่สำเร็จบ็อบจึงเริ่มตะโกนขอความช่วยเหลือ "ช่วยผมขึ้นไปหน่อย ผมหนาว" บ็อบร้องดังๆ บังเอิญชายขี้เมาคนหนึ่ง เดินมาฉี่ลงในหลุมฝังศพที่ยังไม่ใช้พอดี และก็มองเห็นว่ามีคนขอความช่วย เหลืออยู่ที่ก้นหลุม "มิน่าล่ะแกถึงได้หนาว" ชายขี้เมาพึมพำ "ก็ไม่มีใครเอาดินกลบแกนี่" ว่าแล้วชายขี้เมาก็เริ่มโกยดินลงใส่หลุม @ฮิตเลอร์ ที่โรงพยาบาลประสาท คนไข้กำลังทะเลาะกันลั่นโรงพยาบาลคนไข้คนแรก "ข้านี่แหละคือฮิตเลอร์ผู้ยิ่งใหญ่"คนไข้คนที่สอง "ฮิตเลอร์มีคนเดียวคือฉัน"คนไข้คนแรก "พูดให้สวยนะ ฉันโว้ย..คือฮิตเลอร์ตัวจริง"คนไข้คนที่สอง "ใครบอกแกว่ะว่าเป็นตัวจริง"คนไข้คนแรก "พระเจ้าโว้ย" ทันใดก็มีเสียงหนึ่งสวนออกมาจากข้างๆ เตียงว่า"เฮ้ยๆ ..ข้าไม่ได้บอกน่ะโว้ย" @ยังตกลงกันอยู่ วันนั้นคุณแม่จำใจทิ้งลูกทั้งสามคนไว้ที่บ้านตามลำพังเนื่องจากมีธุระด่วน โดยสัญญาว่าจะมีรางวัลให้ ลูกคนที่เรียบร้อยที่สุด เมื่อกลับมาบ้าน สองชั่วโมงต่อมา คุณแม่ค่อยๆ แง้มประตูรั้วบ้านพร้อมกับนึกขอบคุณสวรรค์ ที่ทุกอย่างอยู่ในความสงบ แต่พอไขกุญแจบ้านเท่านั้นเสียงทะเลาะตบตีก็ดังสนั่นทันที ลูกทั้งสามเตะต่อยทุบถองหยิกทึ้งกันอุตลุต "หยุดเดี๋ยวนี้ นี่ลูกตีกันทำไม" "เรากำลังตกลงกันว่าใครเป็นคนเรียบร้อยที่สุดตอนที่แม่ไม่อยู่บ้านค

@Joke3เรื่องของครู ครูสอนประวัติศาสตร์ "รอสเธอรู้ไหมว่ามีอะไรสำคัญเกิดขึ้นในปี ค.ศ.1809" รอส : "ลินคอล์นเกิดครับครู" ครู : "เอาล่ะ..แล้วในปี 1812 ล่ะ" รอส : "ลินคอล์นก็อายุครบ 3 ขวบน่ะซิครับ" @แจ๋วกว่า ท่านบาทหลวงกับโชเฟอร์ขับแท็กซี่ตายในเวลาเดียวกัน แต่แทนที่บาทหลวงจะได้ขึ้นสวรรค์กลับปรากฏว่าโชเฟอร์ได้ขึ้นไปแทน บาทหลวงผิดหวังมากจึงโวยวายกับยมพบาล "ยังงี้มันไม่ยุติธรรมชัดๆ ข้ามีหน้าที่เทศนาสั่งสอนให้คนทำความดีจนปากเปียกปากแฉะแต่กลับตกนรก ส่วนเจ้าโชเฟอร์นั่นพูด คำสบถคำ ขับรถเป็นพายุบุแคม ผู้โดยสารแทบจะเป็นลมตายมันกลับได้ขึ้นสวรรค์" "เจ้าพูดถูก" ยมพบาลยอมรับ "แต่ทุกครั้งที่เจ้าเทศน์คนฟังจะหลับหมด ส่วนเจ้าโชเฟอร์นั่นทำงานเมื่อไหร่คนจะตาโตระลึกถึงพระผู้เป็นเจ้าทุกที" @ เกือบหมดเคทกับวิเวียนคุยถึงเรื่องโรส"นี่..เธอเคยเห็นยัยโรสสวมชุดใหม่หรือยัง""ยังเลย ชุดใหม่ที่เธอพูดถึงมีอะไรพิเศษหรือ""มันโป๊มากเลย ทั้งข้างบนข้างล่าง""เหรอ..มันทำด้วยอะไรล่ะ""ฝ้าย 20% ผ้าไหม 10% และโรส 70% ย่ะ!" @ ปริมาณเพิ่ม แม่ : "บอกแม่ซิทำไมหนูถึงไปกินช็อกโกแลตที่หน้ากระจก" แอนนี่ : "เพื่อจะได้รู้สึกว่าหนูกินช็อกโกแลตสองอันยังไงค่ะแม่" @ไม่ต้องห่วง หลานๆ ต่างเป็นห่วงกลัวว่าป้ามาเรียจะขึ้นคาน "น้ามีหมาที่นอนกรนครืดคราด มีนกแก้วที่ชอบสบถสาบาน มีแมวที่ชอบออกเที่ยวยามราตรีอยู่แล้ว ทำไมน้าต้องมีสามีอีกล่ะ " ป้ามาเรียตอบทุกคนอย่างอารมณ์ดี" @ของหมาโดยเฉพาะ ถาม : "เพื่อนที่ดีที่สุดของคนคือหมา แล้วเพื่อนที่ดีที่สุดของหมาล่ะ" ตอบ : "เสาไฟฟ้าไง"


@นิทาน
ค ว า ม ย า ก จ น
อภิมหาเศรษฐีเกือบจะชราผู้หนึ่งสุดแสนจะภูมิใจที่ลูกชายวัยห้าขวบของเขากำลังจะได้เข้าเรียนในโรงเรียนชื่อดัง ซึ่งระดับเศรษฐีอย่างพวกเขาเท่านั้นจึงจะมีปัญญาส่งลูกหลานเข้าเรียนในโรงเรียนนี้ได้ โดยส่วนตัวของเขาเองก็อยากจะสอนให้ลูกชายรู้จักกับชีวิตจริงในโลกควบคู่ไปกับการสอนทฤษฏีในโรงเรียน ในวันหยุดเขาจะตระเวนพาลูกชายคนเดียวไปท่องเที่ยวในสถานที่ต่าง ๆ
แล้ววันหนึ่งเขาก็คิดถึงหัวข้อการสอนเรื่องความยากจน เพราะเขามีความเชื่อว่าลูกชายของเขาคงไม่มีวันรู้จักแน่นอน เขาจึงพาลูกชายไปเยี่ยมครอบครัวชาวนาครอบครัวหนึ่ง และพักอยู่กับชาวนาเป็นเวลา 1 วัน 1 คืน เมื่อกลับถึงคฤหาสน์ของเขาในวันต่อมามหาเศรษฐีก็จะทดสอบว่าลูกชายได้อะไรบ้างจากการไปพักแรมกับชาวนาผู้ยากจน
ลูกชายตอบคำถามผู้เป็นบิดาว่า เขาขอขอบคุณเป็นอย่างมากที่ได้พาเขาไปพบกับ ชาวนาและพักแรมที่นั่น ซึ่งทำให้เขาได้พบว่า
$ชาวนามีที่ทำงานเป็นท้องนาที่กว้างใหญ่ ในขณะที่พ่อมีเพียงห้องสี่เหลี่ยมที่ว่ากว้างแต่ก็ยังน้อยกว่าท้องนาของชาวนา
$อาหารที่ชาวนารับประทานสามารถหาได้ตลอดเวลารอบๆบริเวณบ้านโดยไม่ต้องซื้อหาในขณะที่บ้านของเรามีตู้เย็นเท่านั้นที่เป็นที่เก็บอาหาร
$เวลารับประทานอาหารก็มีเพื่อนคุยอย่างพร้อมหน้าพร้อมตาพ่อแม่ลูก ในขณะที่ตัวเองก็ต้องนั่งทานอาหารกับโต๊ะอาหารที่ยาวเกือบสิบเมตรและมีเก้าอี้ว่างเปล่าทั้งสองด้าน
$ลูกชาวนาที่ซ้อนท้ายจักรยานของพ่อเขาต้องกอดเอวพ่อให้แน่นเพื่อจะได้ไม่ตกจากจักรยานและเขาเองต้องนั่งในรถที่ใหญ่โตอยู่ข้างหลังเพียงลำพังโดยมีคนขับรถพาไปทุกที่
$ชาวนามีแสงดาวแสงจันทร์เป็นโคมไฟส่องสว่างตลอดเวลาในเวลากลางคืนโดยไม่ขาดแคลน แต่เขาก็มีเพียงแสงจากโคมไฟที่ต้องซื้อด้วยเงิน
$ชาวนามีรั้วบ้านเป็นแม่น้ำภูเขาที่กว้างสุดลูกหูลูกตาแต่เขาเองกับมีเพียงแค่กำแพงบล๊อคในพื้นที่ไม่กี่ไร่
$ลูกชาวนาได้มีเพื่อนเล่นเป็นจิ้งหรีด หิ่งห้อยนับร้อยนับพัน แต่เขาเองกับ ไม่มีใครเลย เขาขอบคุณพ่ออีกครั้งที่ทำให้เขารู้คำตอบว่า จริง ๆ แล้ว…
เรายากจนกว่าชาวนามาก


@เฮเฮ ฮาฮา 3
เจ้าหญิงองค์หนึ่งกำลังจะเลือกคู่ และเธอตัดสินใจเลือกที่ความยาว ชายคนแรกที่มาสมัครแสดงขนาดอันมหัศจรรย์ของตัวเองให้เจ้าหญิงดู มันยาวถึง 8 นิ้วเจ้าหญิงรู้สึกทึ่ง แต่ก็ยังคิดว่าน่าจะมีที่น่าสนใจกว่านี้ คนถัดมายาวถึง 10 นิ้ว เจ้าหญิงรู้สึกมั่นใจขึ้นว่าความคิดของเธอถูก...ไอ้ที่ยาวกว่านี้น่าจะมีอีก คนถัดมานี่สิ ยาวถึง 1 ฟุตเจ้าหญิงค่อนข้างมั่นใจว่าขนาดนี้แหละไม่น่ามีใครเทียบได้ แต่เพื่อความมั่นใจเธอจึงให้เขาแสตนด์บายไว้ก่อน แล้วเรียกคนถัดไปเข้ามา คนถัดมาถอดกางเกงออก เจ้าหญิงหัวเราะอย่างสมเพสเขา เพราะมันยาวแค่หนึ่งนิ้ว ชายหนุ่มจึงดีดนิ้วหนึ่งครั้ง มันยาวขึ้นทันทีหนึ่งนิ้ว เขาดีดต่อเนื่องอีกหลายครั้ง และทุกครั้งมันยาวขึ้นครั้งละหนึ่งนิ้ว จนกระทั่งมันยาวเกือบสองฟุต เจ้าหญิงอึ้ง เธอกลืนน้ำลายถามชายหนุ่มว่าถ้าจะให้มันสั้นลงจะต้องทำยังไง ชายหนุ่มยิ้ม เขาตบมือหลายครั้ง ทุกๆครั้งมันจะสั้นลงหนึ่งนิ้ว เขาตบจนขนาดมันเหลือแค่หนึ่งนิ้วแล้วจึงหยุด เจ้าหญิงพอใจมาก เธอไม่ลังเลที่จะเลือกชายหนุ่มคนนี้ทันที คืนอภิเษกมาถึง ผู้คนทั้งเมืองมาร่วมแสดงความยินดีด้วย และเมื่อเจ้าหญิงและว่าที่สวามีมาปรากฏกาย ฝูงชนโห่ร้องด้วยความยินดี แต่ทั้งเจ้าหญิงและสวามีกลับหน้าซีด เพราะชาวเมืองตบมือกันสนั่นเมืองเลยแหละ!!!

@เฮเฮ ฮาฮา 2 ในสมัยที่จูดาสสานุศิษย์ที่ทรยศต่อพระเยซูยังติดตามพระองค์อยู่นั้น วันหนึ่งพระเยซูได้นำเหล่าศิษยานุศิษย์รอนแรมจาริกแสวงบุญผ่านเส้นทางอันยาวไกล เหล่าสานุศิษย์ต่างอ่อนล้าและหิวโหยเป็นอันมากพระองค์จึงสั่งให้ทุกคนหยุดพัก และหยิบหินขึ้นมาคนละหนึ่งก้อน จูดาสนั้นคิดอยู่ในใจว่า "เหนื่อยก็เหนื่อย หิวก็หิวยังจะมาให้เราหยิบหินขึ้นมาทำอะไรก็ไม่รู้" ในขณะที่ศิษย์คนอื่นๆหยิบหินขึ้นมาจูดาสจึงเลือกหินก้อนที่เล็กที่สุดที่จะหาได้ เมื่อทุกคนได้หินคนละหนึ่งก้อนแล้ว พระเยซูจึงประทานพรว่า"หินในมือเจ้าจงกลายเป็น ก้อนขนมปังเพื่อบรรเทาความหิวโหยด้วยเทอญ" จูดาสแทบเป็นลม เขาผิดหวังอย่างแรงกล้าแต่ก็รีบกินขนมปังเสกของตนเพื่อประทังความหิว แต่ขนมปังก้อนเล็กนิดเดียวจะทำให้คนตัวเบ้อเริ่มหายหิวได้อย่างไร เมื่อพักผ่อนกันได้ตามสมควรแล้วพระเยซูก็นำเหล่าสานุศิษย์ออกเดินทางต่อหลังจากการรอนแรม อีกหลายชั่วโมงเหล่าผู้จาริกก็ได้เดินทางมาถึงผืนแผ่นดินอันอุดมสมบูรณ์แห่งหนึ่ง เช่นเดียวกับครั้งที่แล้ว พระเยซูสั่งให้ทุกคนหยิบก้อนหินขึ้นมาคนละก้อน จูดาสคิดอยู่ในใจว่าจะไม่ยอมพลาดเช่นครั้งที่แล้วอีกในขณะที่ศิษย์อื่นๆหยิบหินกันขึ้นมานั้น จูดาสจึงเลือกหินก้อนที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่ตนเองจะยกไหวพระเยซูก็ได้ประทานพรข้อที่สองว่า "เจ้าจงขว้างหินในมือของเจ้าออกไปแล้วเจ้าจะได้เป็นผู้ครอบครองผืนดินอันอุดมสมบูรณ์นี้ ในกว้างยาวเท่ากับระยะทางที่เจ้าขว้างออกไปได้" จูดาสแทบจะร้องไห้ ก็หินที่ตนเองยกขึ้นมานั้นลำพังแต่จะถือไว้ก็ลำบากมากแล้ว แต่ด้วยความละโมบ จูดาสจึงได้พยายามทุ่มหินในมือของตนอย่างสุดกำลัง อนิจจา! ก้อนหินนั้นตกลงแค่เพียงปลายเท้าของจูดาสเอง หลังจากนั้นพระเยซูก็ได้นำเหล่าศิษย์รอนแรมต่อไป อีกหลายชั่วโมงผ่านไป เหล่าผู้แสวงบุญก็ได้มาถึงเมืองๆหนึ่งคราวนี้พระเยซูสั่งให้หยุดและให้ทุกคนหยิบหินขึ้นมา คนละสองก้อน จูดาสประสาทเสียมากับพรสองข้อก่อนหน้านี้เขาจึงไตร่ตรองอย่างรอบคอบก่อนที่จะตัดสินใจหยิบหิน ก้อนใหญ่ขึ้นมาหนึ่งก้อน และก้อนเล็กอีกหนึ่งก้อนคราวนี้ไม่ว่าพรของพระเยซูจะเป็นอะไร เขาก็ พร้อมจะรับมือแล้ว พรข้อที่สามของพระเยซูคือ "หินสองก้อนในมือจงกลายเป็นลูกอัณฑะของเจ้า!"

@เฮฮา 1เฮเฮ ฮาฮา 1
สองผัวเมียคู่หนึ่งประสบอุบัติเหตุเรือแตกไปติดอยู่ที่เกาะร้างแห่งหนึ่ง พวกเขาได้แต่หวังว่าสักวันจะมีเรือผ่านมา และรับพวกเขากลับไป เขาจึงผลัดกันขึ้นไปเฝ้ายามบนยอดเขาเพื่อไม่ให้เสียโอกาสถ้ามีเรือผ่านมา หลายเดือนผ่านไปไม่มีวี่แววว่าจะมีเรือผ่านมาแต่กลับมีคนว่ายน้ำขึ้นมาที่เกาะคนนึง เขาเป็นชายหนุ่มหล่อล่ำ รอดชีวิตมาจากเรือแตกเช่นเดียวกันฝ่ายภรรยากระดี๊กระด๊า มาเมื่อเห็นหนุ่มหล่อๆอย่างนี้ ในขณะที่ฝ่ายสามีก็ดีใจไม่แพ้กัน "ดีมาก เราจะได้ผลัดกันเฝ้า 3 ผลัดคนละ 8 ชั่วโมงแทนที่เมียผมกับผมต้องเฝ้าคนละ 12 ชั่วโมง อย่างก่อนหน้านี้" เขาให้เหตุผล "ไม่มีปัญหา" หนุ่มหน้าใหม่บอก "เดี๋ยวผมขึ้นไปเฝ้าให้ก่อนเลย" เมื่อชายหนุ่มขึ้นไปบนยอดเขาแล้ว สองสามีภรรยาก็เริ่มก่อไฟทำอาหาร "เฮ้... อย่าทำบัดสีบัดเถลิงกันอย่างนั้นสิ" ไอ้หนุ่มตะโกนลงมาจากยอดเขา "เราไม่ได้ทำอะไรกันนี่หว่า" ชายสามีตะโกนกลับไป อีกไม่กีนาทีถัดมา ชายหนุ่มก็ตะโกนลงมาอีก "เฮ้ๆ ทำอนาจารอะไรกันยังงั้นเกรงใจผมบ้างสิ ผมอยู่บนนี้นะ" "อะไรนะ" ชายสามีงุนงงมาก เขากำลังเอาฟืนใส่เข้าไปในเตาเมียของเขาก็เตรียมอาหารอยู่ "เราไม่ได้ทำอะไรกันโว้ย" สิบห้านาทีต่อมาเขาก่อไฟเสร็จ ในขณะที่เมียเขาเอาอาหารขึ้นเตาเขาก็ลงมือซ่อมหลังคาที่พัก และ... อีกแล้ว ไอ้หนุ่มตะโกนลงมาอีกแล้ว "เฮ้ย ใจคอจะอึ๊บกันตรงนั้นเลยเรอะ ถ้าไม่อายผีสางเทวดาก็เกรงใจผมบ้าง" "จะบ้าหรือโว้ย" ชายสามีชักหงุดหงิด "ดูยังไงวะเราไม่ได้ทำอะไรกันเลยโว้ย" เมื่อครบกะ ชายสามีก็ขึ้นไปผลัดเวรกับหนุ่มผู้มาใหม่ หนุ่มผู้มาใหม่ลงมาถึงพื้นก็พุ่งเข้าหาหญิงคนเดียวบนเกาะนั้นทันทีและเธอก็ไม่ปฏิเสธเสียด้วย ชายสามียืนมองอยู่บนยอดเขา เขาบ่นกับตัวเอง "เออว่ะ อยู่บนนี้มองลงไปเหมือนคนอึ๊บกันจริงๆด้วย!!!" @เฮเฮ ฮาฮา 2 ครูสาวจบหมาดๆแต่งตัวหวือหวากระโปรงสั้นเหนือเข่ามาสอนเป็นประจำ วันนึงเธอเข้าสอนตามปกติ แต่เนื้อหาที่ต้องขึ้นกระดานมันมากเหลือเกิน เธอก็เลยต้องเขย่งเขียนบนที่ว่าด้านบนของกระดานดำ ทันใดนั้นมีเสียงเป่าปากเป๊ยวจากด้านหลังครูสาวหันไปเห็นเด็กผู้ชายคนนึง นั่งหัวเราะแบบกลั้นไม่อยู่ "เธอหัวเราะทำไมนายวิชัย" ครูสาวถามอย่างหงุดหงิด "เอ้อ... ผมเห็นจักกะแร้ของครูครับ" ด.ช.วิชัยตอบ "เธอออกไปได้เลย เธอถูกพักการเรียน 3 วัน" ครูสาวลงโทษอย่างหงุดหงิด ครูสาวหันกลับไปเขียนต่อสักพักเมื่อเธอเขย่งเหยียดอีกก็มีเสียงเป่าปากเปี๊ยวอีก คราวนี้มีหลายเสียงและดังกว่าเดิม "คนไหนเป่าปากหา..." ครูสาวตาขวาง "ว่าไงนายสมชาย เธอเป่าปากทำไม" นายสมชายที่เก็บอาการไม่อยู่กลายเป็นเป้า "เอ้อ... ผมเห็นกางเกงในครูโผล่ออกมาครับ" สมชายตอบเสียงอ่อย "พวกเธอนี่เหลือขอจริงๆ" ครูสาวยัวะจัด "เธอออกไปได้เลยเธอถูกพักการเรียนเดือนนึง" ครูสาวหันกลับไปเขียนกระดานต่ออย่างโมโหจัด แต่ก็เจ้ากรรมอีกนั่นแหละ การแต่งตัวแบบมีปัญหาของเธอมันคือต้นเหตุที่แท้จริงของสถานการณ์นี้ และมันก็ยังไม่ได้ถูกแก้อยู่ดีดังนั้นเมื่อเธอเหยียดสุดตัวอีกครั้งคราวนี้ เสียงเป่าปากกันเปี๊ยวป๊าวลั่นห9อง แต่เมื่อเธอหันไปเธอก็พบแต่ความเงียบ จนกระทั่งเด็กผู้ชายคนนึงกลั้นหัวเราะไม่ไหว "นายโสภณ บอกมาซิว่าหัวเราะทำไม" ด.ช.โสภณไม่พูดไม่จา ก้มหน้าเก็บของแล้วเดินออกจากห้องทันที "จะไปไหนหา... ตอบชั้นมาก่อนว่าเธอเห็นอะไร" ครูสาวไล่บด "ผมไม่อยากจะพูดหรอกครับ" โสภณตอบ"แต่เชื่อเถอะไอ้ที่ผมเห็นน่ะมันพอจะทำให้ ผมถูกไล่ออกจากโรงเรียนแน่ๆ!"


@เฮเฮ ฮาฮา 3

สมชายเพิ่งเข้าทำงานในบริษัทใหม่เพื่อนฝูงในที่ทำงานเป็นพวกบ้ากอล์ฟกันเยอะ "ไปออกรอบกันนะ เสาร์นี้ สิบโมงเช้าเจอกัน" เพื่อนใหม่ชวน "สิบโมงหรือครับ ได้ครับ แต่ผมอาจจะไปสายซักสิบนาทีนะ" สมชายว่า เช้าวันเสาร์ สิบโมงเป๊ะ สมชายก็มาถึงสนามกอล์ฟเขาโชว์ฝีมือสุดยอดจนเพื่อนๆ กระเป๋าฉีกกันทั่วหน้า สัปดาห์ต่อมา เพื่อนชวนสมชายไปขอแก้มือ "ได้ครับ สิบโมงเจอกัน แต่ผมอาจจะไปสายซักสิบนาทีนะ" สมชายบอกเหมือนเดิม สิบโมงตรง สมชายก็มาถึง คราวนี้มาแปลก เขามามาดสิงห์อีซ้ายแต่ก็สุดยอดไม่แพ้กัน เพื่อนๆกระเป๋ากลวงกันหมด สัปดาห์ต่อมาหลังจากเพื่อนๆแอบไปซุมซ้อมเตรียมล้างแค้นกันเป็นอย่างดีก็มาชวนสมชายอีก "ไม่มีปัญหาครับ สิบโมงนะครับ แต่ผมอาจจะเลทซักสิยนาทีนะ"สมชายพร้อมเสมอ เช้าวันเสาร์สมชายโผล่มาที่สนามกอล์ฟสายไปสิบนาทีแต่ยังโชว์ฟอร์มเยี่ยมตามเคย "ผมล่ะข้องใจกับคุณจริงๆ" เพื่อนถาม "บางวันคุณก็ตีมือซ้ายบางวันก็มือขวา แสดงว่าคุณถนัดทั้งสองข้างแล้วคุณเลือกยังไงว่าจะตีมือซ้ายหรือมือขวาวันไหน" "ไม่ยากเลยครับ" สมชายยิ้ม "ตื่นเช้าขึ้นมา ถ้าเมียผมนอนตะแคงซ้ายวันนั้นผมก็จะตีมือซ้าย ถ้าเมียผมตะแคงขวาผมก็จะตีมือขวา" เพื่อนๆครางฮืออย่างทึ่งจัดกับเทคนิคของสมชาย "แล้วถ้าเมียคุณนอนหงายล่ะโว้ย" เพื่อนคนนึงถามโพล่งขึ้นมา "อ่า..." สมชายยิ้มหวาน "ผมก็มาสายสิบนาทีน่ะสิคร้าบ!!!"


@ความจริง 25 ประการ ที่รู้แล้วจะ "อึ้ง"
++1. กล้ามเนื้อที่แข็งแรงที่สุดในร่างกายคนเราคือ ลิ้น ก็ เอาไว้ฟาดฟันตอประกบปากกันไง
++++2.ผู้หญิงกระพริบตาบ่อยกว่าผู้ชายถึงสองเท่า และ มากกว่าถึงสามสิบครั้ง เมื่พวกเธออยู่สระว่ายน้ำ
++++3.ชื่อโหลที่สุดหาใช่ “จอห์น” หรือ “ฃาร่าห์” ไม่ แต่เป็น ”โมฮัมเหม็ด” ต่างหาก
++++4.คนเราไม่สามารถที่จะเลียข้อศอกของตัวเองได้
++++5.แมลงสาบหัวขาด สามารถมีชีวิตอยู่ต่อไปได่ถึง 9 วัน ก่อนที่มันจะอดอาหาร จนตาย
++++6.เวลาปลาหมึกยักษ์ หิวจัดเอามาก ๆ มันจะกินหนวดของมันเอง และ รู้มั้ยว่า มันยังเป็นสัตว์ที่มีลูกตา ใหญ่ที่สุดในโลก
++++7.แมงมุมแม่หม้ายดำฃึ่งกลืนกินคู่ขาหลังจากการสมสู่ ยังสามารถหม่ำแมงมุม ตัวผู้ได้ถึงวันละ 25 ตัวอีกด้วยร้ายกาจมากกกกก!
++ ++8.เตียงนอนในบ้านโดยทั่วไปแล้ว จะมีตัวเล็นและตัวไรฃ่อนอยู่ถึง 6 พันล้านตัว
++++9.ผึ้งจะทำกายบริหารก่อนจะบิน
++ ++10.การ์ตูนโดนัลด์ดั้กเคยถูกประกาศห้ามเผยแพร่ในฟินแลนด์ เพียงเพราะว่ามัน ไม่สวมกางเกง 555
++++11.โดยเฉลี่ย มนุษย์จะกินแมงมุมเข้าไป 8 ตัวตลอดชั่วชีวิตหนึ่ง ก็เวลา ที่มันคลานเข้าไป ในปากตอนเราหลับปุ๋ยไง อึ๊ยยย! และรู้มั๊ยว่า คนส่วนใหญ่ นะกลัวแมงมุม มากกว่ากลัวตายฃักอีก
++++12.ถ้าคุณลากเส้นชอล์กผ่านฃวางทางเดินของมด มันจะไม่ยอมเดินผ่านข้ามไป
++++13.ในแต่ละวันผู้หญิงจะฉอเลาะมากถึง 7.000 คำต่อวัน ขณะที่ผู้ขายปริปากแค่ 2.000 คำต่อวันเอง
++++14.คุณรู้หรือเปล่าว่า ไม่ว่าแผ่นกระดาษจะมีขนาดใหญ่แค่ไหน คุณไม่สามารถ พับครึ่งได้ถึง 6 ทบ ไม่เชื่อลองดูฃิ
++++15.ครั้งหนึ่งชาวเบลเยี่ยมเคยพยายามใช้แมวเหมียวเป็นตัวส่งจดหมาย ไม่จำเป็น ต้องบอกเลย ว่า ไม่มีทางสำเร็จผล
++ ++16.คุณรู้ไหมว่าโดยทั่วไปแล้วผู้หญิงจะกลืนกินลิพสติกลงท้องไปถึง 4 ปอนด์ ในตลอดชีวิตของเจ้าหล่อน
++++17.ตลอดทั้งชีวิตแล้ว คนทั่วไปจะใช้เวลาจูจุ๊บกันรวมแล้วเกือบสองอาทิตย์ เชียวนะ
++++18.เป็นไปไม่ได้เลยที่คุณจะ จามทั้งๆ ดวงตายังเปิด
++ ++19.เห็นชัดได้ว่า ลูกตาของคนเราคงขนาดเดิมมาตั้งแต่เกิด แต่จมูกกับหูนั้น ไม่เคยหยุด การเจริญเติบโตเลย!
++ ++20.วอลท์ดิสนี่ย์ผู้สร้างสรรค์ตำนานการ์ตูนมิคกี่ย์เม้าส์นะ อันที่จริงแล้วเค้า เป็นคนกลัวหนูจะตายไป
++ ++21.เอาหัวโขกกับกำแพงซักหนึ่งชั่วโมง ช่วยเผาผลาญหลังงานได้ถึง150 แคลอรี่
++ ++22. อัลมอลล์เป็นพืชตระกูลหนึ่งของพีช
++ ++23. โฆษณานาฬิกาทุกชิ้น .มักให้เข็มนาฬิกาหยุดอยู่ที่ 10:10 เพราะจะได้ดู เป็นรูปใบ หน้ายิ้ม
++ ++24.ลายเสือเกิดขึ้นจากหนังของมัน ไม่ใช่จากขน
++++25. ร้อยละ 80 ของคนที่อ่านบทความนี้พยายามจะเลียข้อศอกตัวเอง!!++

@มุขสั้นๆ
คำขอร้องที่ได้ผล

===========โรงเรียนมัธยมศึกษาแห่งหนึ่งพบปัญหาว่านักเรียนสาวในวัยทีนเอจมักจะชอบทาลิปสติกกันที่เป็น ปัญหาเพราะว่าพวกนักเรียนชอบเข้าไปทาลิปสติกกันในห้องน้ำและประทับรอยจูบไว้บนกระจก ซึ่งแม่บ้าน ต้องคอยเช็ดออกด้วยความลำบากอาจารย์ใหญ่จึงเรียกบรรดานักเรียนปากแดงทั้งหลายเข้าไปในห้องน้ำเธออธิบายให้ฟังถึงความ ไม่น่าดูของรอยจูบ และความยากลำบากในการลบรอยนั้นออกเพื่อให้เห็นจริง อาจารย์ใหญ่ได้เรียกพนักงานทำความสะอาดมาเช็ดรอยลิปสติกออกจากกระจกให้ดูพนักงานทำความสะอาดมาถึงก็คว้าผ้าขี้ริ้วจุ่มลงในถังชักโครกและเอามาเช็ดกระจกซึ่งเช็ดยากจริงตามที่อาจารย์ใหญ่บอกตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาก็ไม่มีรอยลิปติกบนกระจกในห้องน้ำอีกเลย*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-

นมสาว=====แม่สาวคนหนึ่งเป็นที่ขึ้นชื่อลือชาเรื่องทรวดทรงของเธอนั้นงามสล้างเหลือหลายพ่อหนุ่มคนหนึ่งเกิดมารู้จักแม่สาวนางนี้ หนุ่มนั้นก็มุ่งมั่นที่จะดูนมสาวนางนี้ให้ได้แต่ละวันผ่านไปเจ้าหนุ่มก็ได้แต่คิด..คิด..คิดหาทางที่จะดูนมสาวให้ได้ แล้วพี่แกก็คิดออก"นี่เธอ ถ้าเธอกล้าถอดเสื้อถอดยกทรงของเธอให้ฉันได้ดูดนมของเธอทีละข้างเท่านั้น ฉันจะให้เงินเธอทันทีเลยหนึ่งหมื่นบาท"สาวเจ้าได้ฟังข้อเสนอก็หูผึ่ง บังเอิญตอนนั้นถังแตกอยู่ด้วยกะอีแค่ดูดนมข้างละทีไม่เห็นจะเสียหายตรงไหน เงินตั้งหมื่น..เธอก็ตอบตกลง แล้วก็ถอดเสื้อนอกออก ถอดยกทรงออกเหลือแต่นมนมของแม่สาวน้อยช่างเต่งตึงจริงๆ เจ้าหนุ่มจ้องตาไม่กระพริบ แทบไม่หายใจจ้อง..จ้อง..จ้องจนชุ่มฉ่ำไปหมดสาวน้อยเห็นเจ้าหนุ่มตะลึงมองนมตัวอยู่นานก็เลยเตือน"เอ้า..เอาแต่จ้องอยู่ได้ มาดูดนมฉันเสียทีสิ ไม่กล้าหรือไง""กล้าน่ะกล้าอยู่หรอก.." หนุ่มครางทั้งๆ ที่ตายังจ้องดูนมสาวอยู่"..แต่มันไม่มีเงิน.."*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-

อาการน่าวิตก=========หลังจากโทรเรียกหมอมาดูอาการภรรยาในห้องนอนสักครู่หมอก็ออกมาขอไขควงไปอันหนึ่ง ประเดี๋ยวเดียวก็ออกมาขอคีมและสองสามนาทีต่อมาก็ออกมาขอค้อนกับสิ่ว คราวนี้เจ้าของบ้านทนไม่ได้จนต้องถามขึ้น"ภรรยาผมเป็นอะไรนักหนาหรือหมอ?""เอ.. ยังไม่ทราบเหมือนกันครับ ผมยังเปิดกระเป๋ายาผมไม่ได้เลย"*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-

นิ้วกลาง=====เด็กชายคนหนึ่งนั่งเล่นอยู่กับพ่อ เด็กน้อยมองไปที่มือของพ่อแล้วถามว่า"พ่อครับ พ่อใช้มือทำอะไรบ้าง?""นิ้วชี้นะ พ่อใช้มันชี้ไปที่ที่พ่อต้องการ นิ้วโป้งนี่ พ่อใช้เวลาเปิดหนังสือส่วนนิ้วนางพ่อใช้มันตอนแต่งงาน นิ้วก้อยพ่อใช้แคะจมูกส่วนนิ้วกลางพ่อจะบอกหลังจากลูกแต่งงานแล้ว"วันเวลาผ่านไป ลูกชายโตขึ้นและแต่งงาน ก่อนเข้าห้องหอลูกชายไม่ลืมถามพ่อ"พ่อครับ หลายปีมานี้ผมใช้นิ้วชี้ชี้ไปที่ที่ผมต้องการ ใช้นิ้วโป้งเปิดหนังสือใช้นิ้วก้อยแคะจมูก ตอนนี้ผมใช้นิ้วนางใส่แหวนแต่งงาน ....แต่พ่อครับแล้วนิ้วกลางล่ะครับจะใช้ทำอะไร?"พ่อเขยิบเข้าไปใกล้ลูกแล้วพูดช้าๆ"คืนนี้ลูกคงจะต้องมีความสุขกับแฟนหลายๆ ครั้งและลูกก็จะเหนื่อย เมื่อแฟนของลูกยังต้องการอีก..." พ่อหยุดสักพัก"...ก็ใช้นิ้วนี้แหละ กดไปที่หัวเธอ แล้วพูด 'ไปนอนได้แล้วนังโง่'"*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*

-เด็กฉลาด======วันหนึ่งป้ากับหลานสาวจอมซนวัย 6 ขวบก็นั่งคุยกันถึงเรื่องการไปโรงเรียนของหลานสาวป้า : นี่เจ้าตัวยุ่งเปิดเทอมหน้านี้น่ะถ้าป้าจะให้ไป-กลับโรงเรียนเองคนเดียวไปได้ไหม?หลาน : ได้สิป้า หนูไปได้อยู่แล้วป้า : ถ้าขึ้นรถเมล์แล้วจะลงป้ายหน้าบ้านถูกหรือจ๊ะหลาน : ถูกจ้ะ หนูจำทางได้แล้วป้า : ถ้ากดกริ่งไม่ถึงจะทำยังไงล่ะหลาน : หนูก็บอกกระเป๋ารถให้กดให้น่ะสิป้าป้า : อืมม์ ใช้ได้นะเนี่ยเราน่ะแล้วถ้ากระเป๋าอยู่ไกลแล้วไม่ได้ยินเราพูดล่ะหลาน : หนูก็ตะโกนบอกคนขับน่ะสิไม่เห็นยากเลยป้า : เก่งมากหลานป้า....รู้จักแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้แล้วหนูจะบอกคนขับรถว่ายังไงล่ะลูก?หลาน : หนูก็ตะโกนบอกคนขับสิว่า "กดกริ่งด้วยยยยยยย"ป้า : ????????*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*

-รู้สิ===ทนายจอมขู่ซักพยานอย่างไม่ไว้หน้าเขาถามพยานว่าอยู่ห่างจากบริเวณที่เกิดเหตุเท่าไหร่"ห้าเมตรกับแปดสิบเซนติเมตร" พยา=B

@กฎบู้ตึ้ง 22


ข้อ1 ถ้าคุณเป็นพระเอกแม้ไม่เคยมีงานทำแต่มีเงินใช้ตลอดเรื่อง

2 ไม่ว่าหน้าผาจะสูงซักแค่ไหนถ้าคุณเป็นพระเอกตกยังไงก็ไม่ตาย

3 หลังตกจากหน้าผาคุณไม่เจอคนใจบุญ(พวกผู้หญิงช่วยเอาไว้)คุณก็ต้องเจอสุดยอดคำภีร์

4 ใครก็ตามที่อ้างตัวเองว่าเป็นฝ่ายธรรมะคนนั้นมักจะเป็นคนเลว

5 คนบ้าๆโทรมๆมักจะมีวรยุทธ์สูงพอๆกับความบ้าของมัน

6 วลาคุณได้เปรียบศัตรูมักจะใจดีปล่อยศัตรูไปทั้งๆที่ปกติก็หาโอกาสยากอยู่แล้ว

7 เวลานางเอกปลอมตัวเป็นผู้ชายคนในเรื่องจะดูไม่ออกแม้คนทั้งโลกจะดูออกก็ตามโดยเฉพาะพระเอกจะโง่กว่าใครเพื่อน

8 เวลาพระเอกหนาวหรือไอเย็นเข้าแทรกนางเอกมักจะเป็นคนห่มผ้าให้ หรือไม่ก็เอาตัวห่ม

9 เวลาโดนฝ่ามือซัดต้องรักษาด้วยลมปราณ-ถ้าเป็นผู้ชายกับผู้หญิงจะต้องถอดเสื้อผ้าเดินลมปราณ-ถ้าเป็นผู้ชายกับผู้ชายไม่ต้องถอดเสื้อหรอกโว้ย(ทำไมวะ)

10 ตัวละครที่อารมณ์ดีที่สุดคือตัวโกงเพราะหัวเราะร่วนทั้งเรื่อง โดยเฉพาะก่อนลงมือฆ่าแต่ก็เพราะมันมัวแต่หัวเราะพระเอกมักฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว

11 ไม่ว่าจะได้รับบาดเจ็บรูปแบบไหน โดนฟันแขนหรือขาเลือดก็จะต้องออกทางปาก

12 ตัวประกอบตายเร็วเสมอตัวสำคัญจะใช้เวลาสั่งเสียยาวนานจนคุณเปลี่ยนวีดีโอม้วนใหม่

13 ก่อนจะเงื้อดาบต้องข่มขวัญก่อนเสมอเช่น"ดาบข้าตีด้วยเหล็กเย็นใช้เวลา 7 ปี อาบเลือดมาแล้วกว่าร้อยศพ"ฯลฯ

14 ถ้าฝ่ายอธรรมมากกว่าฝ่ายธรรมะเรียกว่าหมาหมู่ถ้าฝ่ายธรรมะมากกว่าเรียกสามัคคีรวมใจปราบมาร

15 นางเอกมักเป็นลูกตัวโกงหรือไม่ก็อยู่พรรคมารต้องโดนเรียกจิกหัวว่านางมาร

16 นางมารตัวจริงต้องชุดแดงสวย เซ็กซี่

17 การกินมูมมามเสียงดังแสดงว่าอาหารอร่อย กรอกเหล้าเข้าปากต้องให้หกๆแสดงว่าดื่มเก่ง

18 เวลาแอบดูคุณต้องเอานิ้วจิ้มน้ำลายเพื่อเจาะประตูให้เป็นรูก่อนนะขอแนะนำชุดดำโพกหน้าโพกหัวด้วยแต่ถ้าคุณเป็นผู้หญิงจะโดนจับได้ก่อนเสมอ

19 ถ้าจะส่งสารท้าประลองต้องเอาเลือดเขียน(เสือกเขียนสวยด้วยนะ)หมึกมีอย่าเสือใช้เชียว

20 พิราบสื่อสารโดนฝ่ายตรงข้ามจับได้ก่อนประจำ

21 หมอเทวดามักเปิดคลินิกอยู่ในป่ า ขุนเขาลึกลับถ้าไม่เก่งจริงอย่าไปตายอยู่ตินเขาเพราะอันตรายมากหมอพวกนี้ไม่นิยมคิดตังด้วย

สิ22 ถ้าบาดเจ็บเป็นโรคตอนหน้าร้อนต้องระวังให้มากเพราะสมุนไพรเจ๋งๆส่วนใหญ่ต้องอยู่บนหุบเขาที่มีหิมะ หายากๆ.


@...55555 ฮาดีชอบๆ ขอเชิญร่วมแสดงความคิดเห็นสำหรับเมลล์นี้ได้ที่นี่http://www.deedeejang.com/joke/story/00197.html
บรรดานักเล่นเน็ตหน้าใหม่ทั้งหลายคงอิจฉาเพื่อนๆ หลายคนที่มี Mail ดีดี น่ารักๆ ตลกโปกฮา ขำขัน เซ็กซี่ บทความประทับใจ หรือความรู้ต่างๆ ส่งมาอยู่ทุกวัน จะทำอย่างไรเราถึงจะมีแบบเขาบ้าง บริการส่ง Forward Mail ถึงบ้านท่านจาก Deedeejang.com คุณจะได้รับอีเมลล์มากมายหลายหลายรูปแบบ สิทธิ์นี้เฉพาะกับสมาชิกเวบดีดีจังเท่านั้นสมัครด่วนตั้งแต่วันนี้!!!!!!!! วิธีการสมัครสมาชิก Deedeejang.com เพื่อรับ Forward Mailวิธีที่ 1 ==>ดูรายละเอียดวิธีการสมัครที่
http://www.deedeejang.com/member/ วิธีที่ 2วิธีการสมัครสมาชิก Deedeejang.com1 ส่งอีเมลล์แสดงความต้องการมาที่ http://us.f518.mail.yahoo.com/ym/Compose?To=Deedeejang-subscribe@yahoogroups.com&YY=72253&order=down&sort=date&pos=1&view=a&head=b โดยอีเมลล์ที่ทำการส่งมาหาเรา จะต้องเป็นอีเมลล์เดียวกับที่ต้องการรับ Forward Mail2 เมื่อส่งมาแล้วคุณจะได้รับอีเมลล์ตอบกลับในหัวข้อ Please confirm your request to join Deedeejang ตามอีเมลล์ที่ส่งมา ให้คุณคลิ๊กที่ลิ้งค์ในอีเมลล์เพื่อยืนยันความต้องการ และทำตามขั้นตอนในหน้าต่างนั้นอีกครั้งหนึ่ง (สำคัญมากอย่าลืม) 3เลือก Join the group ถ้าคุณมี yahoo ID แล้ว(มีอีเมลล์ของ Yahoo) เลือก Join the mailling list ถ้าคุณใช้อีเมลล์อื่นๆ ที่ไม่ใช่ของ yahoo หรือไม่ต้องการลงทะเบียนกับ yahoo 4 คลิ๊ก Continue จะขึ้นหน้าต่างด้านล่างเป็นอันว่าเรียบร้อยครับ


@น่าสนใจและดีมา ก
> เนื้อเรื่องน่าสนใจและดีมากสำหรับสุภาพสตรี จึงส่งต่อมาให้อ่านโดยทั่วกัน
> หวังว่าคงเป็นประโยชน์สำหรับทุกท่าน
> 1. เคล็ดลับจากวิชาเทควันโด้ ...ข้อศอกเป็นจุดที่แข็งแกร่งที่สุดของร่างกาย
> หากถูกทำร้าย หรือกำลังจะถูกทำร้าย และคุณอยู่ในระยะที่ใกล้พอ จงใช้ข้อศอกให้เป็นประโยชน์
> (ถองกบาลหรือกกหูมันแรงๆ )


> 2. ข้อแนะนำจากหนังสือแนะนำนักท่องเที่ยวเมืองนิวออร์ลีนส์ หากถูกโจรจี้และขอกระเป๋าถือหรือ
> กระเป๋าสตางค์ อย่ายื่นกระเป๋าให้โจร แต่ให้เขวี้ยงกระเป๋าไปไกลๆ
> เพราะเป็นไปได้ว่าเจ้าโจรนั่นอาจสนใจเงินหรือข้าวของในกระเป๋ามากกว่าตัวคุณมั
> นจะวิ่งไปคว้ากระเป๋าที่คุณโยนออกไป
> ทีนี้ก็จงวิ่งอย่างไม่คิดชีวิตไปในทิศทางตรงกันข้าม


> 3. ถ้าถูกจับขังในฝากระโปรงท้ายรถพยายามทุบให้ไฟท้ายรถหลุดออก
> จากนั้นยื่นแขนออกมาจากรูโหว่แล้วโบกสุดฤทธิ์ คนขับมองไม่เห็นคุณ
> แต่รับรองชาวบ้านเห็นแน่ๆ วิธีนี้ช่วยชีวิตคน
> มานักต่อนักแล้ว


> 4. อย่านั่งแช่ในรถ สาวๆ ทั้งหลาย เมื่อเสร็จภารกิจช้อปปิ้ง กินข้าว เลิกงาน
> ฯลฯ
> สาว ๆ เมื่อก้าวขึ้นรถแล้ว ก็มักจะ นั่งแช่ ทำอะไรต่อมิอะไรกระจุกกระจิก
> เป็นต้นว่า ดูสมุดบัญชี จดลิสต์รายการ
> ข้าวของ หรือเรื่องที่จะต้องทำ หรืออื่นๆ ขอเตือนว่าอย่าทำเช่นนี้เป็นอันขาด
> ผู้ร้ายอาจ กำลังจับ ตาเฝ้าดูคุณอยู่
> การที่นั่งจ่อมอยู่อย่างนี้แหละจะเป็นโอกาสอันงามที่มันจะก้าวขึ้นมานั่งในรถข
> สั่งให้พาไปไหนต่อไหน
> เพราะฉะนั้นก้าวขึ้นนั่งในรถเมื่อไรให้รีบล็อคประตูแล้วออกรถทันที



> 5. ต่อไปนี้เป็นข้อแนะนำเล็กๆ น้อยๆ
> เมื่อคุณต้องเดินไปยังรถที่จอดในลานจอดรถ โรงจอดรถ หรืออาคารที่จอดรถ
> ก. ประสาทตื่นตัว หมั่นสำรวจรอบตัวมองข้างในรถทั้งที่นั่งข้างคนขับ
> พื้นรถรวมถึง เบาะหลังด้วย
> ข. ถ้ารถคุณจอดอยู่ข้างรถตู้คันใหญ่ แนะนำให้ขึ้นรถด้านประตูผู้โดยสาร
> ผู้ร้ายส่วนใหญ่มักฉวยโอกาสจังหวะที่เหยื่อกำลังเปิดประตูรถลากตัวเหยื่อขึ้นร
> ถตู้
> ค. ดูรถที่จอดอยู่ข้างรถคุณทั้งฝั่งซ้ายและขวาหากมีผู้ชายนั่งอยู่คนเดียวตรงเบาะ
> ด้านที่ใกล้รถคุณ
> ควรหลีกเลี่ยงด้วยการเดินกลับเข้าไปในห้างหรือที่ทำงาน
> แล้วขอให้เจ้าหน้าที่ห้าง หรือ รปภ.
> หรือเพื่อนชายเดินกลับมาส่งที่รถ ปลอดภัยไว้ก่อน ดีกว่าต้องเสียใจทีหลัง
> (โดนหาว่าประสาทดีกว่าต้องซี้ม่องเซ็ก)


> 6. ควรใช้ลิฟต์แทนการขึ้นลงทางบันได
> บันไดเป็นจุดที่น่ากลัวที่สุดถ้าอยู่คนเดียว
> รวมทั้งเป็นจุดที่เกิดอาชญากรรมได้ดีที่สุด



> 7. หากผู้ร้ายมีปืน และคุณยังไม่ได้ถูกจี้ .. วิ่งหนี!
> โอกาสที่มันจะยิงโดนคุณมีเพียง 4 ใน 100 ครั้งเท่านั้น
> (เป้าเคลื่อนที่) และถึงจะยิงโดน ก็เป็นไปได้มากว่าจะไม่ถูกอวัยวะสำคัญ
> เพราะงั้นวิ่งลูกเดียว!



> 8. ผู้หญิงมักใจอ่อน ขี้สงสารและเห็นอกเห็นใจไม่ต้องเลย
> เพราะอาจนำไปสู่การทำร้ายร่างกาย ข่มขืน หรือฆาตกรรมได้
> กรณีนี้มีตัวอย่างมาแล้ว ฆาตกรต่อเนื่องรายหนึ่งในอเมริกาชื่อ เท็ด เบินดี้ม
> เป็นชายหนุ่มหน้าตาดี มีการศึกษา
> มักใช้กลวิธีเรียกร้องความสงสารจากเหยื่อเพศหญิงซึ่งไม่ได้เกิดความสงสัยสักนิ
> ด เขาหลอกลวงเหยื่อให้ตายใจด้วยการเดิน โดยอาศัยไม้เท้า
> หรือแสร้งทำขากะเผลก
> จากนั้นจะขอ “ความช่วยเหลือ” จากเหยื่อให้ช่วยพยุงขึ้นรถ
> จากนั้นก็ใช้จังหวะนั้นลักพาตัวไป



> 9. จากหนังสือภัยจาก 108 มงกุฏ เมื่อคุณกลับบ้านในเวลากลางคืน
> หากถูกคนร้ายจี้ ชิงทรัพย์ ฯลฯ เวลาร้องขอความช่วยเหลือให้ร้องว่า “ไฟไหม้”
> แทนคำว่า “ช่วยด้วย”
> เพราะคำว่าไฟใหม้จะทำให้ชาวบ้านในระแวกนั้นตกใจตื่นและออกมาดูสถานการณ์ได้เร็
> วกว่า
> หากท่านเห็นว่าข้อความที่อ่านมาอาจเป็นประโยชน์ต่อคนที่ท่านรู้จักท่านสามารถส
ให้เธอเหล่านั้นระลึก อยู่เสมอว่า
> “โลกใบนี้มีคนวิกลจริตอาศัยอยู่มาก ... ปลอดภัยไว้ก่อนดีกว่าเสียใจภายหลัง”



@เรื่องฮาๆ
เรื่องที่ 1หญิงสาวคนหนึ่งเดินเข้าไปหาชายแก่ที่นั่งอยู่ที่ระเบียงหน้าบ้านหญิงสาว-ขอโทษนะคะคุณลุงคือดิฉันเผอิญสังเกตเห็นว่าคุณลุงดูมีความสุขจังไม่ทราบว่ามีเคล็ดลับสำหรับชีวิตที่ยืนยาวและแสนสุขมั๊ยคะชายแก่-ผมสูบุหรี่วันละ 3 ซองดื่มเบียร์วันละลัง กินอาหารมันๆและไม่เค้ยไม่เคยออกกำลังกายเลยหญิงสาว-ว๊าว!!! ไม่น่าเชื่อเลยค่ะ คุณลุงอายุเท่าไหร่คะเนี่ย?ชายแก่-26-------------------------------------------------------------


เรื่องที่2มีลายแทงแผ่นหนึ่งได้ไปตกบ้านของสมหมายสมหมายจึงพาเพื่อนๆไปตามลายแทงพอไปถึงก็เห็นเต่ายักษ์ตัวหนึ่งที่กระดองเขียนว่า"จงพลิกกูขึ้นแล้วจะเจอสมบัติทุกคนก็ช่วยกันพลิกแต่กว่าจะพลิกได้ก็กินเวลาไป 2 ชม.เมื่อพลิกแล้วก็เจอ......อักษรเขียนว่า"จงคว่ำกูลงไว้หลอกคนต่อไป"-------------------------------------------------------------

เรื่องที่ 3ลึกสุดลึกในป่าแห่งหนึ่งเจ้าเต่าน้อยกำลังปีนต้นไม้หลายชั่วโมงผ่านไปมันก็ปีนถึงยอดแล้วมันก็กระโดดขึ้นไปในอากาศตีขาหน้าไปมาแล้วก็ตกแอ็กลงบนพื้น...หลังจากหายมึน มันก็ปีนต้นไม้ขึ้นไปอย่างเชื่องช้าอีกกระโดดแล้วก็ตกแอ็กลงมาอีกตามเคยแต่เต่าน้อยก็ไม่ละความพยายามปีนแล้วปีนอีกก็ตกแล้วตกอีก...นก 2-3 ตัวเกาะอยู่บนกิ่งไม้ไกล้ๆ มองเต่าน้อยด้วยความสงสารและแล้วนกตัวเมียก็พูดกับนกตัวผู้ว่า: "ที่รักจ๊ะชั้นว่ามันถึงเวลาแล้วที่เราจะต้องบอกลูกเต่าว่า.........ลูกเป็นบุตรบุญธรรมของเรา"------------------------------------------------------------

เรื่องที่ 4นงานแต่งงานของบ่าวสาวคู่หนึ่งใหญ่ท่านหนึ่งซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาของฝ่ายเจ้าสาวด้ถูกเชิญให้ขึ้นไปอวยพรบ่าวสาวท่านอวยพรว่า...ท่านผู้มีเกียรติทุกท่าน ผมรู้จักเจ้าสาวเป็นอย่างดีพราะเธอเป็นเลขาของผมเอง ทำงานร่วมกันมาก็หลายปีากการที่ได้ทำงานใกล้ชิดกันให้ผมได้เห็นนิสัยใจคอของเธอมได้เห็นอะไรต่อมิอะไรดีๆในตัวเธอละผมกล้ายืนยันกับทุกๆคนในที่นี้ว่า จิ๋มเธอน่ารักมาก"บคำอวยพร เล่นเอาแขกเฮกันลั่นกันทั้งงานรัชญานี้สอนให้รู้ว่า หากคุณมีลูกสาว อย่าพยายามงชื่อว่าจิ๋ม------------------------------------------------------------

เรื่องที่ 5นที่สุดผมก็ทำลงไปแล้ว! โอย! ผมทำลงไปได้ไงเนี่ยมไม่อยากจะเชื่อเลยว่าผมจะทำเรื่องอย่างนี้ลงไปได้สมชายคร่ำครวญอยู่ในใจย่างรู้สึกผิดต่อการกระทำที่ตัวเองพึ่งทำลงไปต่ เอ๊ะ! เสียงหนึ่งก้องมาจากในหัวเขา "อย่ากังวลมากไปเลย สมชายายน่ะไม่ใช่คนแรกหรอกที่แอบมีอะไรกับคนไข้ของตัวเอง"สียงนี้ทำให้วูบหนึ่งเขาเกิดความเชื่อมั่นขึ้นมาอีกครั้งต่แล้วก็เหมือนสายฟ้าฟาดใส่กลางกบาลกเสียงจากส่วนลึกของหัวใจตวาดใส่เขาไอ้สมชาย...เอ็งเป็นสัตวแพทย์นะโว้ย… "



@เรื่องผู้ชายควรเรียกร้องสิทธิ...(FW)ผู้หญิงให้ผู้ชายเลี้ยงเรียก "แม่บ้าน" ผู้ชายให้ผู้หญิงเลี้ยงเรียก "แมงดา" ผู้หญิงนุ่งกางเกงเรียก "ทะมัดทะแมง" ผู้ชายนุ่งกระโปรงเรียก "อีตุ๊ด" ผู้หญิงทำงานของผู้ชายเรียก "หญิงเหล็ก" ผู้ชายทำงานผู้หญิงเรียก "กินแรง" ผู้หญิงถ่ายนู้ดเรียก "ศิลปะ" ผู้ชายถ่ายนู้ดเรียก "หากินกับเกย์" ผู้หญิงนั่งผู้ชายยืนบนรถเมล์เรียก "โปรดเอื้อเฟื้อแก่ เด็ก สตรี คนชรา" ผู้ชายนั่งผู้หญิงยืนบนรถเมล์เรียก "เห็นแก่ตัว" ผู้หญิงแต่งหน้าเรียก "ไก่งามเพราะขน" ผู้ชายแต่งหน้าเรียก "คนวิปริต" ผู้หญิงผอมเรียก "หุ่นดี" ผู้ชายผอมเรียก "ขี้ก้าง" ผู้หญิงไม่แต่งงานเรียก "หญิงยุคใหม่พึ่งตัวเอง" ผู้ชายไม่แต่งงานเรียก "เป็นเกย์แน่ๆ" ผู้หญิงสมัยม.ปลาย "เดินสยาม" ผู้ชายสมัยม.ปลาย "ตัดผมเกรียน เรียน รด." ผู้หญิงต่อยผู้ชายเรียก "นางเอกนักบู๊" ผู้ชายต่อยผู้หญิงเรียก "หน้าตัวเมีย" ผู้หญิงมีเพื่อนเป็นกะเทย เรียก "เพื่อนสาว" ผู้ชายมีเพื่อนเป็นกะเทยเรียก "เอ...หรือมันจะเป็นไปกับเค้าด้วย" ผู้หญิงถูกข่มขืนเรียก "เหยื่อ" ผู้ชายถูกข่มขืน เรียก "เป็นโชค" ผู้หญิงทักผู้หญิงแปลกหน้าก่อน เรียก "ทักทาย" ผู้ชายทักผู้หญิงแปลกหน้าก่อน เรียก "หน้าหม้อ" ผู้หญิงทักผู้ชายแปลกหน้าก่อนเรียก "มนุษยสัมพันธ์ดี" ผู้ชายทักผู้ชายแปลกหน้าก่อน เรียก "เฮ้ย!!! ***จะเอาตูดตู" ผู้หญิงให้ผู้ชายเลี้ยงข้าว เรียก "มารยาท" ผู้ชายให้ผู้หญิงเลี้ยงข้าว เรียก "....ไม่รู้จะเรียกอะไร เพราะหน้าด้านมาก" ผู้หญิงแก่มากไปไหนมาไหนกับเด็กหนุ่ม เรียก "มากับหลาน" ผู้ชายแก่มากไปไหนมาไหนกับเด็กสาว เรียก "***เฒ่าหัวงู" ผู้หญิงฉี่ในห้อง เรียก "เรื่องธรรมดา" ผู้ชายฉี่ในห้อง เรียก "สงสัยไปขี้" ผู้หญิงปลอมเป็นผู้ชายในละครเรียก "เจ้าสัวน้อย หรือ ***หยัง" ผู้ชายปลอมเป็นผู้หญิงในละครเรียก "เป็นตัวอย่างที่ไม่ดีให้กับเยาวชน" ผู้หญิงอยู่ข้างบนเรียก "woman on top" ผู้ชายอยู่ข้างบนเรียก "กดขี่" สิทธิสตรี "สิ่งที่สังคมควรให้ความสำคัญ" สิทธิบุรุษ "จะบ้าเหรอยะ!!! มีด้วยเหรอ"

@วันหนึ่งเกิดฝนตกหนักมีแมลงหวี่อยู่ 2 ตัวกำลังคุยกัน "เอ็งรู้มั๊ยว่าเราเข้ามาหลบฝนอยู่ที่ไหน" "ในถ้ำไม่ใช่เหรอ" "ไม่ใช่เอ็งไม่รู้อะไรเลยไม่ใช่ถ้ำนะ แต่มันเป็นไอ้นั่นของช้างนะเอง" "เหรอ ถ้างั้นข้าจะเอาช้างทำเมียก่อน" ว่าแล้วเจ้าแมลงหวี่ก็จัดการกับเจ้าช้างจนเสร็จเรียบร้อย บังเอิญว่าช้างหลบฝนอยู่ใต้ต้นไม้ กิ่งไม้แห้งเมื่อมันถูกน้ำฝนมันเลยหักลงมาถูกหลังช้าง ช้างเลยร้องด้วยความเจ็บปวด เจ้าแมลงหวี่เลยพูดว่า "ธรรมดาละน้องของมันใหม่ แรกๆ ก็มีเจ็บบ้างอย่างนี้แหละ"

@
ครอบครัวหนึ่งมีลูกชาย 2 คน คนแรกอายุ 3 ปี คนที่ 2 อายุ 7 เดือน ทั้งหมด 4คน เวลานอนต้องนอนในมุ้งเดียวกัน ลูกชายคนโตก็จะนอนริม ลูกชายคนเล็กก็จะนอนติดกับพ่อแม่ พอคืนไหนพ่อกับแม่นึกอยากจะทำอะไรกันก็ต้องรอให้ลูกทั้ง 2 หลับก่อน และก็มีอยู่คืนหนึ่งขณะที่พ่อกำลังเข้าด้ายเข้าเข็มกับแม่ลูกชายคนเล็กก็ผงกหัวร้องไห้ขึ้นมา พ่อก็พยายามกดหัวลงแล้วก็ทำอย่างว่าต่อ ลูกคนเล็กก็ผงกหัวขึ้นมาร้องไห้อีก พ่อก็พยายามกดหัวลงอีก เป็นอยู่อย่างนี้ถึง 3ครั้ง จนลูกชายคนโตก็ร้องขึ้นมาว่า พ่อๆตบหัวมันเลย มันบังผม

@20 ความหมายของ sex ผ่านผู้ชาย 20 คณะ


1.ผู้ชายแพทย์ (สาขาสูติ) - คือสิ่งที่ทำให้พ่อแม่ผลิตฉันออกมา-
2. ผู้ชายวิศวะ - ชายได้ชายคือยอดชาย-
3. ผู้ชายครุ - อย่าทำอย่างที่ฉันบอก จงทำอย่างที่ฉันทำ-
4. ผู้ชายเศรษศาสตร์ - มีอุปสงค์ ก็ต้องมีอุปทาน-
5. ผู้ชายบัญชี - (ไม่)ได้(ก็)เสีย
-6. ผู้ชายรัฐศาสตร์ - ยืดหยุ่นได้เพื่อผลประโยชน์-
7. ผู้ชายวิดยา - คือการทดลอง ข้อสรุปอาจตรงหรือไม่ตรงกับสมมติฐาน
-8. ผู้ชายสินปะกัม - คือศิลปะ ไม่ใช่อนาจาร
-9. ผู้ชายถาปัด - ฐานต้องรับน้ำหนักได้มาก-
10. ผู้ชายนิติ - อดใจสักนิด อย่าคิดมี sex กับเด็กอายุต่ำกว่า 16 ปี-
11. ผู้ชายวิดยากีฬา - เริ่มต้นดี มีชัยไปกว่าครึ่ง-
12. ผู้ชายเภสัช - sex ที่ดีต้องเกิดจากความเข้าใจ ไม่ต้องใช้ ไวอากร้า-
13. ผู้ชายสหเวช - อาการเสื่อมสรรถภาพทางเพศ สามารถบำบัดได้-
14. ผู้ชาย***แพทย์ - มันคือสัญชาตญาณ you and me ain’t nothing but Mamals ,just do it like they do on the discovery channel-
15. ผู้ชายทันตะ - การ “ฟัน“-
16. ผู้ชายนิเทศ - เป็นผลงานเพื่อมวลชน-
17. ผู้ชายประมง - ถึงฝั่งก่อนแล้วค่อยว่ากัน-
18. ผู้ชายเตรียมทหาร - อยู่ที่ใครจะเป็นผู้บังคับบัญชานายว่าไงก็ว่างั้น-
19. ผู้ชายสาธิตปทุมวัน - การเรียนรู้ ลองผิดลองถูก-
20. ผู้ชายอักษร - ไม่รู้ ไม่เคยมี ไม่เคยรู้จัก

@ในร้านอาหารอิตาเลียนแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ นี่แหละครับ มีบัญชากับ มาลี สองสามีภรรยาเป็นเจ้าของ ทั้งสองคนช่วยกันทำมาหากินมีความสุขไปตามอัตภาพ เที่ยงวันหนึ่ง.... มี ชายตาบอด คนหนึ่งเดินเข้ามาในร้าน บัญชาซึ่งขณะนั้นอยู่หน้าร้านพอดี ก็รีบไปเปิดประตูต้อนรับพร้อมกับจัดที่นั่งดีที่สุด “จะรับอะไรไม่ทราบครับ“ บัญชาถาม พร้อมกับจัดเก้าอี้ให้เข้าที่เข้าทาง “คุณก็เห็นผมตาบอด อ่านเมนูของคุณไม่ได้ คงตอบอะไรคุณไม่ได้หรอกว่าอยากกินอะไร“ ชายตาบอดตอบและ...บอกต่อไปว่า “เอาอย่างนี้ คุณหาช้อนหรือส้อมที่ลูกค้าคนอื่น ๆ ทานเสร็จมาให้ผมด้วยก็แล้วกัน” บัญชางง ไม่รู้ว่าชายตาบอดจะมาอีท่าไหน แต่...ก็ยอมทำโดยดี เขาหยิบส้อมจากโต๊ะ ข้างๆ ที่เพิ่งลุกออกไป แต่ยังไม่ได้เก็บโต๊ะมาให้ชายตาบอด ชายตาบอดรับส้อมจากมือบัญชาแล้วนำมาจ่อที่จมูกของตัวเอง “อืมมม... มักกะโรนีเนื้อราดด้วยซอส มะเขือเทศ “ ชายตาบอดตอบเหมือนมองเห็น “ผมเอานี่แหละช่วยทำให้ผมด้วย “ บัญชางงอีกเป็นคำรบสองเพราะไม่คาดคิดว่าชายตาบอดคนนี้จะมีความสามารถพิเศษล้ำลึกถึงเพียงนี้ เขาเดินเข้าครัว แล้วเล่าเรื่องนี้ให้ มาลีฟัง “ .....มาคราวหน้าเถอะฉันจะทดสอบดูว่าจะแม่นอย่างวันนี้หรือเปล่า” บัญชาบอกกับมาลีซึ่งเธอก็ได้แต่รับฟัง แต่...ไม่สนใจอะไรมากนัก หลังจากวันนั้นบัญชารอลูกค้าคนเดียวของเขา ซึ่งก็คือชายตาบอด แต่เขาต้องรอถึงสองสามอาทิตย์ และ....ทันทีที่เห็นลูกค้าคนสำคัญเข้ามาเขารีบวิ่งหาทันที เมื่อนั่งเรียบร้อยแล้ว บัญชายืนรอคำสั่งให้ไปหาส้อมมาให้ดมเมื่อชายตาบอดบอก “รอแป๊บหนึ่งนะครับ “ บัญชา พอเห็น .........เท่านั้นแหละบัญชารีบวิ่งเข้าไปในครัวบอกกับมาลีว่า “มาแล้ว...มาแล้ว.....เขามาแล้ว“ มาลีงง ” อะไรกัน .... “ "คนตาบอดมาแล้ว.....ฉันจะทดสอบเขาว่าคราวนี้แม่นจริงไหม และแน่ไหม...เอานี่” บัญชาพูด พร้อมกับยื่นส้อมอันหนึ่งให้มาลี “เธอเอามันถูกกับกางเกงในด้านหน้าของเธอนะ“ มาลีรับมาอย่างงง ๆ ก่อนจะเลิกกระโปรงขึ้น เอาส้อมถู ๆ ตามสามีบอกอย่างเสียมิได้ แล้วส่งคืนให้บัญชา เมื่อได้แล้วบัญชารีบวิ่งออกมาข้างนอกแล้วส่งส้อมให้ชายตาบอด บอดอัจฉริยะทำเหมือนครั้งก่อน คือ ดม...... คราวนี้เขาสูดหายใจลึกกว่าปกติ และดมหลายรอบมาก ก่อนจะยิ้มกว้างแล้วบอกว่า “....อืมม... ผมไม่รู้มาก่อนเลยนะนี่ว่า มาลี ทำงานที่นี่ด้วย”


@สอบใบขับขี่พนักงาน : คุณจะทำใบขับขี่รถยนต์ใช่มั้ย? ปู: “ใช่ครับ ตลอดชีพเลย” พนักงาน : “เอาละ ก่อนอื่นผมขอถามคำถามคุณก่อน 1 ข้อ” ปู : “ได้เลยครับ” ปูมีความมั่นใจเต็มที่เลยเพราะเตรียมตัวมาดี พนักงาน: “หากคุณขับรถมาด้วยความเร็ว 100/ชม. แล้วข้างซ้ายมือมีผู้หญิงท้องแก่ยืนอยู่คนนึง ข้างขวา มีสุนัขอยู่ตัวนึง กับ มีคนเดินถนนคนนึง คุณจะเลือกเหยียบอะไร” ปู: (นั่งคิดอยู่สักพัก) “เหยียบหมาครับ” พนักงาน: “ทำไม ชีวิตมันไม่มีค่าเหรอ” ปู: “มีครับ แต่น้อยกว่าคน” พนักงาน: “แล้วเบรกมีทำไมคุณไม่เหยียบมันล่ะ คุณสอบตก”

@มีตายายคู่หนึ่งอยู่ที่ชายป่าวันหนึ่งตาเดินเข้าไปในป่าแล้วพบเสือตัวหนึ่ง ก็ตกใจไม่รู้จะทำไงตาจึงแก้ผ้าและเอาหัวทิ่มลงพื้น เสือเดินเข้ามาและก้มลงดมกลิ่น ตรงไอ้นั่นอ่ะพลางคิดในใจว่าผลไม้ลูกนี้น่ากินจัง แต่วันนี้เราอิ่มแล้ว ยังไม่กินดีกว่า(แล้วก็เดินจากไป) ตา : กลับมาบ้านตาจึงเล่าเรื่องให้ยายฟัง เมื่อเจอเสือก็ให้ทำตามที่ตาทำแล้วเสือจะกลัว วันต่อมายายเข้าไปในป่าและได้พบกับเสือ ยายจึงทำตามที่ตาได้บอกไว้ เสือ : เสือเดินเข้ามาดมกลิ่นที่ไอ้ตรงนั้นอ่ะ พลางพูดว่า "ว้า... เสียดายจังวันก่อนยังดูน่ากินวันนี้แตกซะแล้ว"(แล้วเสือก็เดินจากไป)

@สามีภรรยาสองคู่เป็นเพื่อนซี้สนิทสนมกันมานาน ได้ไปพักตากอากาศที่ภูเก็ตด้วยกัน ทั้งสี่คนมีความสุขมากได้กินอาหารทะเลสดๆ เหล้ายาไม่อั้น ในวงสนทนาผสมสุราคืนหนึ่ง ชายหนึ่งในสองก็ถามขึ้นว่า"พวกเราเคยได้ยินเรื่องสับคู่มั้ย เดี๋ยวนี้ได้ข่าวว่ามีมากเหมือนกันนะ พวกเราคิดยังไง" เรื่องนี้ทำให้ทุกคนตื่นเต้นไปตามๆ กัน มีการอภิปรายถึงเรื่องนี้พอสมควร ในที่สุดทุกคนก็ตัดสินใจที่จะลองสับคู่กันดู..............! หลังจากสองชั่วโมงผ่านไป มีเสียงผู้ชายพูดกับคู่นอนคนใหม่ของตัวว่า "เราไม่เคยมีความสุขอย่างนี้มาก่อนเลยนี่ไม่รู้ว่าเมียๆ ของเราจะสนุกเหมือนกับเรามั้ย"

คำเตือน: ควรใช้วิจารณญาณ ในการอ่าน ห้ามอ่านเกินวันละ 2 ครั้ง โปรดสังเกตุฉลาก ก่อนอ่านทุกครั้ง :-)

This page is powered by Blogger. Isn't yours?